5. ข้าราชการของกษัตริย์จึงทูลพระองค์ว่า “ดูเถิด ฮามานกำลังยืนอยู่ในพระลานพ่ะย่ะค่ะ” และกษัตริย์ตรัสว่า “ให้ท่านเข้ามานี่”
6. ฮามานจึงเข้ามา กษัตริย์ตรัสกับท่านว่า “หากกษัตริย์มีพระประสงค์จะประทานเกียรติยศแก่บุคคลผู้ใดแล้ว กษัตริย์ควรจะทำแก่เขาประการใด” และฮามานรำพึงในใจว่า “ผู้ใดเล่าที่กษัตริย์พอพระทัยจะประทานเกียรติยศมากกว่าข้า”
7. แล้วฮามานจึงทูลกษัตริย์ว่า “เพื่อให้เกียรติแก่คนที่กษัตริย์พอพระทัยจะประทานเกียรติยศนั้น
8. ขอนำฉลองพระองค์ซึ่งกษัตริย์ทรง และม้าซึ่งกษัตริย์ทรง และมงกุฎซึ่งพระองค์ทรงสวมบนพระเศียร
9. ขอทรงมอบฉลองพระองค์และม้าในมือของเจ้านายผู้ใหญ่ยิ่งที่สุดคนหนึ่งของกษัตริย์ ขอให้แต่งคนที่กษัตริย์พอพระทัยจะประทานเกียรติยศ และขอให้ชายนั้นขึ้นนั่งหลังม้าไปตามถนนของกรุง และป่าวร้องไปข้างหน้าเขาว่า ‘ผู้ที่กษัตริย์พอพระทัยจะประทานเกียรติยศก็เป็นเช่นนี้แหละ’”
10. กษัตริย์จึงตรัสกับฮามานว่า “รีบเข้าเถอะ เอาเสื้อและม้าอย่างที่ท่านว่า แล้วให้เกียรติแก่โมรเดคัยคนยิวซึ่งนั่งที่ประตูของกษัตริย์ อย่าเว้นสิ่งใดที่ท่านกล่าวมานั้นเลย”
11. ฮามานจึงนำฉลองพระองค์กับม้าและตกแต่งโมรเดคัย และให้ท่านขึ้นม้าไปตามถนนในกรุง ป่าวร้องหน้าท่านว่า “ผู้ที่กษัตริย์พอพระทัยจะประทานเกียรติยศก็เป็นเช่นนี้แหละ”
12. แล้วโมรเดคัยก็กลับมายังประตูของกษัตริย์ แต่ฮามานรีบกลับไปบ้านของท่าน คลุมศีรษะและคร่ำครวญ
13. และฮามานเล่าทุกสิ่งที่อุบัติแก่ท่านให้เศเรชภรรยาของท่านและสหายทั้งหลายของท่านฟัง คนฉลาดของท่านและเศเรชภรรยาของท่านจึงว่า “ถ้าท่านเริ่มล้มลงต่อหน้าโมรเดคัยซึ่งเป็นเชื้อสายของยิว ท่านจะไม่ชนะเขา แต่จะล้มลงต่อหน้าเขาแน่”
14. ขณะเมื่อเขาทั้งหลายกำลังพูดกับท่านอยู่ ขันทีของกษัตริย์ก็มาถึงรีบนำฮามานไปยังการเลี้ยงซึ่งพระนางเอสเธอร์ทรงจัดนั้น