14. ถ้าหากพระองค์ตั้งพระทัยจะถอนจิตวิญญาณและลมปราณของพระองค์ไปเสีย
15. มวลมนุษยชาติก็จะพินาศสิ้นมนุษย์จะกลับกลายเป็นฝุ่นธุลีดังเดิม
16. “หากท่านมีความเข้าใจขอจงฟังถ้อยคำของข้าพเจ้า
17. ผู้ที่ชังความยุติธรรมจะปกครองได้หรือ?ท่านจะกล่าวโทษองค์ผู้เที่ยงธรรมและทรงฤทธิ์หรือ?
18. ไม่ใช่พระองค์หรือที่ตรัสกับกษัตริย์ว่า ‘พวกเจ้าไม่มีค่า’และตรัสกับบรรดาเจ้านายว่า ‘พวกเจ้าชั่วช้า’?
19. พระองค์ไม่ได้ลำเอียงเข้าข้างเจ้านายหรือเห็นแก่คนรวยมากกว่าคนจนเพราะพวกเขาล้วนเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์
20. กลางดึกพวกเขาตายอย่างฉับพลันผู้คนสั่นสะท้านแล้วตายจากไปบรรดาผู้เกรียงไกรถูกคร่าไป ไม่ใช่ด้วยน้ำมือมนุษย์
21. “พระเนตรของพระเจ้าเฝ้าดูวิถีทางของมนุษย์ทรงเห็นทุกย่างก้าวของพวกเขา
22. ไม่มีที่มืดและเงาทึบใดๆที่คนชั่วจะซ่อนตัวได้
23. พระเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้เวลาสอบสวนมนุษย์อีกพวกเขาจึงไม่ต้องมาต่อหน้าพระองค์เพื่อรับการตัดสิน
24. พระองค์ทรงทำลายผู้เกรียงไกรลงโดยไม่ต้องไต่สวนและทรงตั้งคนอื่นแทนพวกเขา
25. เพราะทรงสังเกตเห็นการกระทำของพวกเขาทรงคว่ำพวกเขาลงในชั่วข้ามคืน และพวกเขาก็ถูกขยี้แหลกลาญ
26. พระองค์ทรงลงโทษพวกเขาต่อหน้าทุกๆ คนโทษฐานที่ทำความชั่ว
27. เพราะพวกเขาหันเหจากการติดตามพระเจ้าไม่สนใจวิถีทางใดๆ ของพระองค์
28. พวกเขาทำให้เสียงร่ำร้องของผู้ยากไร้มาถึงพระเจ้าพระองค์จึงทรงได้ยินเสียงร้องของผู้ขัดสน
29. แต่หากพระองค์ทรงนิ่งอยู่ ใครจะกล่าวโทษพระองค์ได้?หากทรงซ่อนพระพักตร์ไว้ ใครเล่าจะเห็นพระองค์?แต่พระองค์ทรงอยู่เหนือมนุษย์และเหนือประชาชาติด้วย