17. หากข้าหวงอาหารไว้กับตัวไม่ยอมแบ่งปันแก่ลูกกำพร้าพ่อ
18. ซึ่งอันที่จริงตั้งแต่หนุ่มมา ข้าก็เลี้ยงดูลูกกำพร้าพ่อเหมือนลูกในไส้ตั้งแต่เกิดข้าก็นำทางให้หญิงม่าย
19. หากข้าได้เห็นคนกำลังจะหนาวตายเพราะไม่มีเสื้อผ้าเห็นคนยากไร้ไม่มีผ้าคลุมกาย
20. และเขาไม่ได้อวยพรข้าในใจที่ทำให้เขาอบอุ่นด้วยขนแกะของข้า
21. หากข้าได้ทำร้ายลูกกำพร้าพ่อเพราะถือว่าตนมีอิทธิพลในศาล
22. ก็ขอให้แขนของข้าหลุดออกจากไหล่ขอให้มันหักออกจากข้อต่อ
23. เพราะข้าหวาดกลัวหายนะจากพระเจ้าและเพราะข้ายำเกรงพระบารมีของพระองค์ข้าจึงไม่กล้าทำสิ่งทั้งหลายเหล่านี้
24. “หากข้าไว้วางใจเงินทองหรือพูดกับทองคำบริสุทธิ์ว่า ‘เจ้าเป็นความมั่นคงปลอดภัยของข้า’
25. หากข้าชื่นชมยินดีในความมั่งคั่งมหาศาลของข้าในทรัพย์สมบัติซึ่งมือของข้าหามาได้
26. หากข้ามองดูดวงตะวันส่องแสงเจิดจ้าหรือดวงจันทร์อันงามกระจ่าง
27. แล้วจิตใจของข้าถูกล่อลวงอย่างลับๆและข้าได้กราบไหว้ดวงอาทิตย์ดวงจันทร์
28. นี่ก็จะเป็นบาปอันควรแก่การลงโทษเพราะเท่ากับว่าข้าไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเบื้องบน
29. “หากข้ากระหยิ่มยิ้มย่องในเคราะห์หามยามร้ายของศัตรูหรือลิงโลดยินดีในความทุกข์ร้อนที่เกิดขึ้นกับเขา
30. ข้าไม่เคยยอมให้ปากของข้าทำบาปโดยสาปแช่งชีวิตของเขาให้มีอันเป็นไป
31. หากคนในครัวเรือนของข้าไม่เคยกล่าวว่า‘ใครบ้างไม่ได้กินเนื้อที่โยบให้จนอิ่ม?’
32. อันที่จริงข้าไม่เคยแม้แต่ปล่อยให้คนแปลกหน้าต้องค้างคืนอยู่ตามถนนเพราะประตูบ้านของข้าเปิดต้อนรับผู้เดินทางอยู่เสมอ
33. หากข้าปิดบังบาปไว้เหมือนที่คนทั่วไปได้ปฏิบัติโดยซุกซ่อนความผิดของข้าไว้ในใจ
34. เพราะข้ากลัวฝูงชนและหวั่นเกรงการดูแคลนจากวงศ์ตระกูลต่างๆ ยิ่งนักข้าก็เลยเก็บตัวเงียบไม่ออกนอกบ้าน
35. (“อยากให้มีใครสักคนฟังข้าตอนนี้! บัดนี้ข้าขอลงชื่อแก้ข้อกล่าวหาของข้าขอองค์ทรงฤทธิ์ตอบข้าด้วยเถิดขอให้โจทก์เขียนคำฟ้องร้องขึ้นมา
36. แน่ทีเดียว ข้าจะแบกคำฟ้องนั้นไว้บนบ่าข้าจะสวมมันไว้เหมือนมงกุฎ