8. (ดินแดนทัปปูวาห์เป็นของมนัสเสห์ แต่เมืองทัปปูวาห์ซึ่งอยู่ในเขตพรมแดนของมนัสเสห์เป็นของเผ่าเอฟราอิม)
9. จากนั้นพรมแดนต่อไปทางใต้สู่ลำห้วยคานาห์ มีเมืองต่างๆ ของเอฟราอิมอยู่ท่ามกลางเมืองต่างๆ ของมนัสเสห์ แต่เขตแดนของมนัสเสห์อยู่ทางด้านเหนือของลำห้วยและสิ้นสุดที่ทะเล
10. ดินแดนทางใต้เป็นของเอฟราอิม ทางเหนือเป็นของมนัสเสห์ มีทะเลเป็นพรมแดน ทางเหนือจดกับอาเชอร์ ทางตะวันออกจดกับอิสสาคาร์
11. ในเขตอิสสาคาร์และอาเชอร์ เผ่ามนัสเสห์ยังได้รับเมืองเบธชาน อิบเลอัม โดร์ (คือนาโฟท) เอนโดร์ ทาอานาค และเมกิดโด รวมทั้งหมู่บ้านต่างๆ โดยรอบ
12. แต่เนื่องจากเผ่ามนัสเสห์ไม่สามารถยึดครองเมืองเหล่านั้นได้ ชาวคานาอันจึงยังคงอาศัยอยู่ที่นั่นตามเดิม
13. แต่เมื่อชนอิสราเอลเข้มแข็งขึ้น ก็เกณฑ์แรงงานชาวคานาอัน แต่ไม่ได้ขับไล่พวกเขาทั้งหมดออกไป
14. ชนเผ่าโยเซฟกล่าวกับโยชูวาว่า “เหตุใดท่านจึงยกดินแดนให้พวกข้าพเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์เพียงส่วนเดียว ในเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรให้พวกข้าพเจ้ามีไพร่พลมากขนาดนี้?”
15. โยชูวาตอบว่า “หากพวกท่านมีคนมาก และแดนเทือกเขาแห่งเอฟราอิมเล็กเกินไปสำหรับพวกท่าน ก็จงขึ้นไปหักร้างถางพงที่ซึ่งชาวเปริสซีและพวกมนุษย์ยักษ์เรฟาอิมอาศัยอยู่”
16. คนเผ่าโยเซฟจึงกล่าวว่า “ดินแดนเทือกเขาไม่พอสำหรับเรา และชาวคานาอันทั้งปวงที่อาศัยในที่ราบ ทั้งพวกที่อยู่ในเบธชานกับถิ่นฐานโดยรอบและพวกที่อยู่ในหุบเขายิสเรเอลล้วนแต่มีรถรบเหล็ก”
17. แต่โยชูวากล่าวกับชนเผ่าเอฟราอิมและมนัสเสห์ซึ่งเป็นวงศ์วานของโยเซฟว่า “พวกท่านมีคนมากและมีกำลังมาก ท่านจะไม่ได้แค่ส่วนเดียว
18. แต่จะได้ดินแดนป่าเขานั้นด้วย จงหักร้างถางพง และยึดครองไปจนสุดเขตเถิด ถึงแม้ชาวคานาอันจะเข้มแข็งและมีรถรบเหล็กก็ตาม แต่พวกท่านก็จะสามารถขับไล่เขาออกไปได้”