13. ผู้ขายจะไม่ได้รับที่ดินซึ่งขายไปกลับคืนมาเป็นของตนตราบเท่าที่ทั้งสองฝ่ายยังมีชีวิตอยู่เพราะนิมิตเกี่ยวกับกลุ่มชนทั้งหมดจะไม่ผันแปรเนื่องจากบาปทั้งหลายของพวกเขาจึงไม่มีแม้สักคนจะรักษาชีวิตของตนไว้ได้
14. “ ‘แม้พวกเขาเป่าแตรและเตรียมทุกสิ่งไว้พร้อมสรรพแต่ก็จะไม่มีใครออกรบเลยเพราะโทสะของเราตกอยู่แก่กลุ่มชนทั้งหมด
15. นอกกรุงคือสงครามในกรุงคือโรคระบาดและการกันดารอาหารผู้ที่อยู่ในท้องทุ่งก็ตายเพราะสงครามส่วนผู้ที่อยู่ในกรุงก็ถูกกลืนกินเพราะการกันดารอาหารและโรคระบาด
16. คนทั้งปวงที่หนีรอดชีวิตไปได้จะหนีไปอยู่ตามภูเขาเหมือนนกพิราบตามหุบเขาพวกเขาจะร้องครวญครางเพราะบาปของตน
17. มือทุกมือจะอ่อนเปลี้ยและเข่าทุกเข่าจะอ่อนปวกเปียกเหมือนน้ำ
18. พวกเขาจะสวมใส่ผ้ากระสอบและนุ่งห่มความอกสั่นขวัญแขวนทุกใบหน้าจะถูกปิดด้วยความอัปยศอดสูและทุกศีรษะจะถูกโกน
19. “ ‘พวกเขาจะโยนเงินทิ้งตามถนนทองของพวกเขาจะมีค่าเท่ากับสิ่งโสโครกเงินและทองของพวกเขาจะไม่สามารถช่วยเขาให้รอดได้ในวันแห่งพระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้ามันจะไม่ช่วยแก้หิวหรือช่วยให้อิ่มท้องเพราะมันทำให้พวกเขาสะดุดล้มลงในความบาป
20. พวกเขาภูมิใจในเพชรพลอยอันงดงามของตนและใช้มันทำรูปเคารพอันน่าชิงชังพวกเขาใช้มันทำเทวรูปอันชั่วช้าสามานย์ดังนั้นเราจะเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นมลทินกับพวกเขา
21. เราจะยกความมั่งคั่งของพวกเขาให้เป็นของปล้นแก่คนต่างชาติให้เป็นของเชลยแก่คนชั่วร้ายบนโลกผู้ที่จะทำให้มันเป็นมลทิน
22. เราจะเบือนหน้าหนีจากประชากรและโจรจะย่ำยีสถานที่ที่เรารักพวกมันจะเข้ามาและจะทำให้ที่นั่นเป็นมลทิน
23. “ ‘จงเตรียมโซ่ตรวน!เพราะแผ่นดินนองเลือดและกรุงนี้เต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณ
24. เราจะนำประชาชาติที่ชั่วร้ายที่สุดมาครอบครองบ้านเรือนของพวกเขาเราจะยุติความหยิ่งยโสของผู้มีอำนาจและสถานนมัสการของพวกเขาจะถูกทำให้เป็นมลทิน
25. เมื่อความหวาดหวั่นพรั่นพรึงมาถึงพวกเขาจะแสวงหาสันติภาพแต่ก็ไร้ประโยชน์