32. ให้ถือเป็นวันสะบาโตแห่งการหยุดพักสำหรับเจ้า และเจ้าต้องบังคับตนตั้งแต่เย็นวันที่เก้าเดือนนั้นจนถึงเย็นวันรุ่งขึ้น เจ้าจะต้องถือรักษาสะบาโตของเจ้า”
33. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
34. “จงแจ้งชนอิสราเอลว่า ‘วันที่สิบห้าของเดือนที่เจ็ดเป็นวันเริ่มฉลองเทศกาลอยู่เพิงขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ฉลองไปจนครบเจ็ดวัน
35. ในวันแรกเป็นวันประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์ อย่าทำงานใดๆ เลย
36. ทุกวันในช่วงเทศกาลนี้ จงถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลาเจ็ดวัน และในวันที่แปดให้มีการประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์และถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นพิธีปิดการประชุม อย่าทำงานใดๆ เลย
37. (“ ‘ต่อไปนี้คือเทศกาลที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดไว้ ซึ่งเจ้าจะต้องประกาศให้เป็นการประชุมนมัสการศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนำเครื่องบูชาด้วยไฟมาถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า คือเครื่องเผาบูชา เครื่องธัญบูชา เครื่องสัตวบูชาและเครื่องดื่มบูชาตามที่กำหนดไว้แต่ละวัน
38. เครื่องบูชาเหล่านี้เพิ่มเติมจากเครื่องถวายเพื่อสะบาโตต่างๆ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเพิ่มเติมจากของถวายต่างๆ ตามคำปฏิญาณและของถวายตามความสมัครใจแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า)
39. “ ‘จงฉลองเทศกาลแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดเจ็ดวัน เริ่มตั้งแต่วันที่สิบห้าเดือนที่เจ็ดซึ่งเป็นช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยว ให้ถือวันแรกสุดและวันที่แปดเป็นวันแห่งการหยุดพัก
40. เจ้าจงนำสิ่งเหล่านี้มาในวันแรกคือผลไม้คัดอย่างดี กิ่งอินทผลัม กิ่งไม้ใบดก กิ่งปอปลาร์ และจงรื่นเริงยินดีต่อหน้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าตลอดเจ็ดวัน
41. ในเดือนที่เจ็ดของทุกปี เจ้าจงฉลองเทศกาลแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลาเจ็ดวัน นี่เป็นข้อปฏิบัติถาวรสืบไปทุกชั่วอายุ
42. ชาวอิสราเอลโดยกำเนิดทุกคนต้องอยู่ในเพิงตลอดเจ็ดวัน
43. เพื่อลูกหลานของเจ้าจะรู้ว่าเราได้ให้ชนอิสราเอลอาศัยอยู่ในเพิง เมื่อเรานำพวกเขาออกมาจากอียิปต์ เราคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า’ ”
44. ดังนั้นโมเสสจึงประกาศเทศกาลเหล่านี้ตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดแก่ชนอิสราเอล