4. พระองค์ทรงน้าวคันศรเหมือนทรงเป็นศัตรูพระหัตถ์ขวาของพระองค์เตรียมพร้อมจะปล่อยลูกศรทรงประหารทุกคนผู้เป็นที่ชื่นตาชื่นใจเหมือนทรงเป็นศัตรูทรงระบายพระพิโรธเหมือนไฟแผดเผาเต็นท์ของธิดาแห่งศิโยน
5. องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นเหมือนศัตรูพระองค์ทรงกลืนกินอิสราเอลให้สิ้นไปทรงกวาดล้างปราสาทราชวังและทรงทำลายที่มั่นต่างๆ ในอิสราเอลทรงทำให้การร้องไห้คร่ำครวญทวีเพิ่มขึ้นสำหรับธิดาแห่งยูดาห์
6. พระองค์ทรงทิ้งที่ประทับของพระองค์ให้รกร้างดั่งสวนร้างทรงทำลายสถานนมัสการของพระองค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ศิโยนหลงลืมเทศกาลตามกำหนดและสะบาโตทั้งหลายพระองค์ทรงเขี่ยทั้งกษัตริย์และปุโรหิตทิ้งด้วยพระพิโรธอันรุนแรงของพระองค์
7. องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิเสธแท่นบูชาและทอดทิ้งสถานนมัสการของพระองค์พระองค์ทรงมอบกำแพงปราสาทราชวังไว้ในมือของศัตรูเหล่าศัตรูส่งเสียงโห่ร้องในพระนิเวศขององค์พระผู้เป็นเจ้าราวกับวันฉลองตามเทศกาล
8. องค์พระผู้เป็นเจ้าตั้งพระทัยที่จะทลายกำแพงล้อมรอบธิดาแห่งศิโยนพระองค์ทรงพิจารณาโทษอย่างถี่ถ้วนไม่ได้ทรงยั้งพระหัตถ์จากการทำลายล้างทรงทำให้เชิงเทินและกำแพงพังทลายไปด้วยกันต่อหน้าพระองค์
9. ประตูทั้งหลายของเยรูซาเล็มทรุดจมดินลูกกรงประตูทั้งหลายหักทลายกษัตริย์และบรรดาเจ้านายตกเป็นเชลยในชาติต่างๆบทบัญญัติสูญสิ้นไปแล้วและผู้เผยพระวจนะทั้งหลายไม่ได้รับนิมิตจากองค์พระผู้เป็นเจ้าอีกต่อไป
10. เหล่าผู้อาวุโสของเยรูซาเล็มนั่งซึมอยู่ที่พื้นท่ามกลางความเงียบสงัดโปรยฝุ่นธุลีบนศีรษะและนุ่งห่มผ้ากระสอบบรรดาหญิงสาวแห่งเยรูซาเล็มซบหน้าลงกับพื้นด้วยความอับอาย
11. นัยน์ตาของข้าพเจ้าหมองช้ำเพราะการร้องไห้ข้าพเจ้าทุกข์ระทมอยู่ภายในดวงใจของข้าพเจ้าแหลกสลายเพราะพี่น้องร่วมชาติของข้าพเจ้าถูกทำลายเพราะลูกเล็กเด็กแดงเป็นลมอยู่ตามถนนหนทางในเมือง
12. “แม่จ๋า ไหนล่ะอาหาร?”เด็กๆ เอ่ยกับแม่ขณะหมดแรงเหมือนคนบาดเจ็บกลางถนนขณะชีวิตหลุดลอยไปจากอ้อมอกแม่