เพลงคร่ำครวญ 1:8-17 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

8. เยรูซาเล็มได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวงดังนั้นเธอจึงแปดเปื้อนมลทินบรรดาคนที่เคยยกย่องเธอก็เหยียดหยามเธอเพราะเห็นความเปลือยเปล่าของเธอเธอเองสะอื้นไห้และหันหน้าหนี

9. ความโสโครกฝังแน่นในอาภรณ์ของเธอเธอไม่ใส่ใจอนาคตของเธอความล่มจมของเธอน่าใจหายไม่มีใครปลอบโยนเธอ“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทอดพระเนตรความทุกข์ลำเค็ญของข้าพระองค์เพราะศัตรูชนะเสียแล้ว”

10. ศัตรูฉวยสิ่งล้ำค่าของเธอไปหมดเธอเห็นคนต่างชาติบุกเข้ามาในสถานนมัสการของเธอล้วนแต่เป็นชนชาติต่างๆ ซึ่งพระองค์สั่งห้ามไม่ให้เข้ามาท่ามกลางชุมนุมประชากรของพระองค์

11. พลเมืองของเธอสะอื้นไห้ขณะเสาะหาอาหารเอาของมีค่าออกมาแลกอาหารเพื่อประทังชีวิต“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดทอดพระเนตรและทรงใคร่ครวญดูเถิดเพราะข้าพระองค์ถูกเหยียดหยาม”

12. “พวกท่านที่ผ่านไปผ่านมา ไม่รู้สึกรู้สาอะไรบ้างเลยหรือ?จงมองไปรอบๆ เถิดมีความทุกข์ใดบ้างเหมือนทุกข์ที่เกิดแก่ข้าพเจ้าทุกข์ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบันดาลแก่ข้าพเจ้าในวันแห่งพระพิโรธอันรุนแรง?

13. “พระองค์ทรงส่งไฟลงมาจากเบื้องบนไฟนั้นแผดเผาอยู่ในกระดูกของข้าพเจ้าพระองค์ทรงวางตาข่ายดักเท้าของข้าพเจ้าและทำให้ข้าพเจ้าหันกลับพระองค์ทรงทิ้งข้าพเจ้าไว้ให้ระบมไข้และอ่อนระโหยโรยแรงวันยังค่ำ

14. “พระองค์ทรงถักบาปของข้าพเจ้าเป็นเชือกมัดข้าพเจ้าเข้ากับแอกของการเป็นเชลยบาปเหล่านั้นอยู่ที่คอของข้าพเจ้าและองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกระทำให้กำลังวังชาของข้าพเจ้าเหือดหายพระองค์ทรงมอบข้าพเจ้าไว้ในมือของคนเหล่านั้นซึ่งข้าพเจ้าไม่อาจต่อกรได้

15. “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทอดทิ้งนักรบทั้งปวงที่อยู่ท่ามกลางข้าพเจ้าพระองค์ทรงระดมพลมาต่อสู้ข้าพเจ้าเพื่อบดขยี้พวกคนหนุ่มของข้าพเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเหยียบย่ำธิดาพรหมจารีแห่งยูดาห์ดั่งองุ่นในบ่อย่ำองุ่น

16. “ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงร่ำไห้น้ำตาหลั่งรินไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ คอยปลอบโยนไม่มีใครช่วยกู้ดวงวิญญาณของข้าพเจ้าลูกๆ ของข้าพเจ้าสิ้นเนื้อประดาตัวเพราะศัตรูชนะเขา”

17. ศิโยนยื่นมือออกแต่ไม่มีใครปลอบโยนเธอ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชายาโคบไว้แล้วว่าให้เพื่อนบ้านของเขากลายเป็นศัตรูเยรูซาเล็มกลายเป็นของโสโครกในหมู่พวกเขา

เพลงคร่ำครวญ 1