3. จิตใจที่แน่วแน่นั้นพระองค์จะทรงปกป้องไว้ในสันติภาพอันสมบูรณ์เพราะเขาไว้วางใจในพระองค์
4. จงวางใจองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไปเพราะพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระศิลานิรันดร์
5. พระองค์ทรงทำให้คนที่อยู่สูงตกต่ำลงทรงดึงนครที่ยโสโอหังลงมาพระองค์ทรงปราบมันให้ราบคาบและทรงเหวี่ยงมันลงมาคลุกฝุ่น
6. เท้าของผู้ยากไร้และผู้ถูกข่มเหงก็เหยียบย่ำมัน
7. หนทางของคนชอบธรรมราบเรียบข้าแต่องค์ผู้เที่ยงธรรม พระองค์ทรงทำให้วิถีของคนชอบธรรมราบรื่น
8. ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายรอคอยพระองค์โดยดำเนินอยู่ในทางแห่งบทบัญญัติของพระองค์พระนามและกิตติศัพท์ของพระองค์เป็นความปรารถนาในใจของข้าพระองค์ทั้งหลาย
9. ยามค่ำคืนจิตวิญญาณของข้าพระองค์โหยหาพระองค์ยามเช้าจิตวิญญาณของข้าพระองค์ใฝ่หาพระองค์เมื่อคำพิพากษาของพระองค์มายังโลกชาวโลกจึงได้เรียนรู้ความชอบธรรม
10. แม้ทรงแสดงพระคุณแก่คนชั่วร้ายพวกเขาก็ไม่ได้เรียนรู้ความชอบธรรมแม้ในดินแดนแห่งความเที่ยงธรรม พวกเขาก็ยังคงทำชั่วต่อไปและไม่คำนึงถึงพระบารมีขององค์พระผู้เป็นเจ้า
11. ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเงื้อพระหัตถ์ของพระองค์ขึ้นสูงแต่พวกเขาไม่เห็นขอทรงให้พวกเขาเห็นพระทัยอันกระตือรือร้นที่ทรงมีต่อประชากรของพระองค์ แล้วเขาจะได้ละอายอดสูขอให้ไฟที่ทรงสงวนไว้สำหรับเหล่าศัตรูเผาผลาญพวกเขา
12. ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดประทานสันติสุขแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายสิ่งสารพัดที่ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำสำเร็จ พระองค์ทรงเป็นผู้กระทำเพื่อข้าพระองค์ทั้งหลาย
13. ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย แม้เคยมีเจ้านายอื่นๆ ปกครองข้าพระองค์ทั้งหลายแต่ข้าพระองค์ทั้งหลายเทิดทูนพระนามของพระองค์เท่านั้น
14. บัดนี้เขาเหล่านั้นตายแล้ว ไม่มีชีวิตอยู่อีกต่อไปวิญญาณที่จากไปไม่ได้กลับมาอีกพระองค์ทรงลงโทษและนำพวกเขาไปสู่หายนะทรงกวาดล้างทุกอย่างที่เป็นอนุสรณ์ของพวกเขา
15. ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงเพิ่มพูนประชากรพระองค์ทรงขยายประเทศชาติพระองค์ทรงได้รับพระเกียรติสิริของพระองค์พระองค์ได้ทรงขยายพรมแดนของแผ่นดิน
16. ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกเขามาหาพระองค์ยามทุกข์ลำเค็ญเมื่อทรงตีสั่งสอนพวกเขา พวกเขาก็ทุกข์จนแทบอธิษฐานไม่ออก