3. “โปรดให้คำปรึกษาและช่วยตัดสินใจในยามเที่ยงวันโปรดให้ร่มเงาดั่งยามค่ำคืนโปรดให้ที่ซ่อนแก่ผู้หนีภัยอย่าทรยศหักหลังผู้ลี้ภัย
4. ขอให้ผู้ลี้ภัยชาวโมอับพักอยู่กับท่านขอเป็นที่พักพิงให้พวกเขาพ้นจากผู้ทำลาย”ผู้กดขี่จะถึงจุดจบและความพินาศย่อยยับจะยุติลงผู้กดขี่ข่มเหงจะหมดสิ้นไปจากดินแดน
5. ราชบัลลังก์หนึ่งจะได้รับการสถาปนาขึ้นด้วยความรักผู้หนึ่งจากวงศ์วานของดาวิดจะนั่งบนบัลลังก์นั้นด้วยความซื่อสัตย์เป็นผู้ตัดสินอย่างยุติธรรมและส่งเสริมความชอบธรรม
6. เราได้ยินถึงความหยิ่งทะนงของโมอับความอวดดี ความจองหองความเย่อหยิ่ง และความโอหังแต่คำโอ้อวดของโมอับก็ว่างเปล่า
7. ฉะนั้นชาวโมอับจึงพากันร่ำไห้ให้กับแผ่นดินโมอับและร้องไห้คร่ำครวญให้แก่ผู้คนของคีร์หะเรเสท
8. ท้องทุ่งแห่งเฮชโบนก็เหี่ยวเฉาเช่นเดียวกับเถาองุ่นของสิบมาห์บรรดาผู้ครอบครองชาติต่างๆได้เหยียบย่ำเถาองุ่นที่ดีที่สุดซึ่งครั้งหนึ่งเคยงอกงามไปถึงยาเซอร์แพร่ขยายไปถึงถิ่นกันดารแตกหน่อผลิผลไปไกลถึงทะเล
9. ฉะนั้นเราจึงร่ำไห้เหมือนที่ยาเซอร์ร่ำไห้ให้กับเถาองุ่นแห่งสิบมาห์เฮชโบนเอ๋ย เอเลอาเลห์เอ๋ยเราหลั่งน้ำตาให้เจ้าจนเปียกชุ่ม!เสียงโห่ร้องยินดีเมื่อรวบรวมผลไม้สุกงอมและเมื่อเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหารของเจ้านั้นก็เงียบไปแล้ว
10. ความรื่นเริงยินดีสูญสิ้นไปจากสวนผลไม้ไม่มีใครร้องเพลงหรือโห่ร้องในไร่องุ่นไม่มีใครย่ำองุ่นที่บ่อย่ำเหล้าองุ่นอีกต่อไปเพราะเราได้ยุติเสียงโห่ร้องนั้นแล้ว
11. ดวงใจของเราคร่ำครวญเพื่อโมอับดั่งเสียงพิณส่วนลึกของจิตใจอาลัยคีร์หะเรเสท
12. เมื่อโมอับขึ้นไปยังสถานบูชาบนที่สูงก็เหนื่อยเปล่าเมื่อขึ้นไปสวดวิงวอนที่เทวสถานก็เปล่าประโยชน์
13. องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ตรัสเกี่ยวกับโมอับไว้เช่นนี้แหละ
14. บัดนี้องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ภายในสามปี ตามปีของสัญญาว่าจ้างแรงงาน ความโอ่อ่าตระการและประชากรทั้งปวงของโมอับจะถูกเหยียดลง และผู้ที่รอดชีวิตอยู่ก็มีน้อยคนและอ่อนระโหยโรยแรง”