8. เมื่อใดก็ตามที่โมเสสออกไปที่เต็นท์นัดพบ ประชากรทั้งหมดจะลุกขึ้นยืนอยู่ตรงทางเข้าเต็นท์ของตนคอยดูจนโมเสสเข้าไปในเต็นท์นัดพบ
9. เมื่อโมเสสเข้าไป เสาเมฆจะเคลื่อนมาหยุดอยู่ตรงทางเข้าขณะที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสส
10. ทุกครั้งที่ประชากรเห็นเสาเมฆอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์นัดพบ พวกเขาทุกคนก็จะยืนนมัสการอยู่ที่ทางเข้าเต็นท์ของตน
11. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสต่อหน้าเหมือนเพื่อนคุยกัน หลังจากนั้นโมเสสจะกลับมาที่ค่ายพัก แต่โยชูวาบุตรนูนชายหนุ่มผู้ช่วยของโมเสสยังคงอยู่ในเต็นท์
12. โมเสสกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “พระองค์ตรัสกับข้าพระองค์ว่า ‘จงนำประชากรเหล่านี้ไป’ แต่พระองค์ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะทรงส่งผู้ใดไปกับข้าพระองค์ พระองค์ตรัสว่า ‘เรารู้จักชื่อของเจ้าและเจ้าเป็นที่โปรดปรานของเรา’
13. หากพระองค์ทรงพอพระทัยข้าพระองค์ ขอทรงสอนทางของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะรู้จักพระองค์และเป็นที่โปรดปรานของพระองค์สืบไป นอกจากนี้ขอทรงระลึกว่าชนชาตินี้เป็นประชากรของพระองค์”
14. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “เราเองจะไปกับเจ้าและให้เจ้าได้หยุดพัก”
15. โมเสสจึงกราบทูลว่า “หากพระองค์ไม่ได้เสด็จไปกับข้าพระองค์ทั้งหลายก็ขออย่าให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเคลื่อนไปจากที่นี่เลย
16. หากพระองค์ไม่ได้เสด็จไปด้วย ใครเล่าจะทราบได้ว่าข้าพระองค์และประชากรของพระองค์เป็นที่โปรดปรานและแตกต่างจากประชากรอื่นใดบนพื้นโลก?”
17. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราจะทำตามที่เจ้าขอ เพราะเจ้าเป็นที่โปรดปรานของเรา และเรารู้จักชื่อของเจ้า”
18. โมเสสจึงกราบทูลว่า “บัดนี้ขอทรงสำแดงพระเกียรติสิริของพระองค์แก่ข้าพระองค์”