19. แล้วพวกเขาร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าในความทุกข์ยากและพระองค์ทรงช่วยพวกเขาให้รอดจากความทุกข์เข็ญ
20. พระองค์ตรัส พวกเขาก็ได้รับการรักษาพระองค์ทรงช่วยพวกเขาจากหลุมฝังศพ
21. ให้พวกเขาขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับความรักมั่นคงของพระองค์และสำหรับพระราชกิจมหัศจรรย์ของพระองค์ที่ทำเพื่อมนุษย์
22. ให้เขาถวายเครื่องบูชาขอบพระคุณและบอกเล่าถึงพระราชกิจต่างๆ ของพระองค์ด้วยบทเพลงแห่งความชื่นชมยินดี
23. บางคนก็ลงเรือออกไปกลางทะเลพวกเขาทำมาค้าขายตามเส้นทางมหาสมุทร
24. พวกเขาได้เห็นพระราชกิจขององค์พระผู้เป็นเจ้าเห็นการอัศจรรย์ของพระองค์ในที่ลึก
25. เพราะพระองค์ตรัส พายุก็ก่อตัวทำให้คลื่นซัดสูง
26. พวกเขาถูกโยนขึ้นฟ้าแล้วก็ดิ่งลงมาในห้วงลึกขวัญหนีดีฝ่อไปเพราะวินาศภัยรุนแรง
27. พวกเขาถลาและซวนเซไปเหมือนคนเมาเหล้าพวกเขาจนปัญญาไม่รู้จะทำอย่างไร
28. แล้วพวกเขาร้องทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าในความทุกข์ยากและพระองค์ทรงนำพวกเขาออกจากความทุกข์เข็ญ
29. พระองค์ทรงทำให้พายุสงบลงเป็นเพียงเสียงกระซิบทำให้คลื่นในทะเลเงียบสงบ
30. พวกเขาดีใจที่ทะเลสงบและพระองค์ทรงนำพวกเขาเข้าเทียบท่าดังหมาย
31. ให้พวกเขาขอบพระคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าสำหรับความรักมั่นคงของพระองค์และสำหรับพระราชกิจมหัศจรรย์ของพระองค์ที่ทำเพื่อมนุษย์
32. ให้พวกเขาเทิดทูนพระองค์ในที่ประชุมประชากรและสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุมผู้อาวุโส
33. พระองค์ทรงเปลี่ยนแม่น้ำให้กลายเป็นทะเลทรายธารน้ำไหลกลายเป็นผืนดินแตกระแหง
34. ทรงเปลี่ยนดินแดนอุดมให้กลายเป็นถิ่นร้างซึ่งดินกร่อยเพราะความชั่วร้ายของผู้อาศัยที่นั่น
35. พระองค์ทรงเปลี่ยนถิ่นกันดารให้กลายเป็นแอ่งน้ำและเปลี่ยนแผ่นดินที่แตกระแหงให้กลายเป็นน้ำพุ
36. พระองค์ทรงนำคนหิวโหยไปอาศัยที่นั่นและให้พวกเขาพบเมืองที่พวกเขาจะตั้งถิ่นฐาน
37. พวกเขาหว่านในท้องนา เพาะปลูกในสวนองุ่นและเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหารได้อย่างอุดมสมบูรณ์
38. พระองค์ทรงอวยพรและพวกเขาก็ทวีจำนวนขึ้นและพระองค์ไม่ได้ให้ฝูงสัตว์ของพวกเขาลดจำนวนลง