13. พระองค์จะทรงลุกขึ้นและจะทรงเอ็นดูสงสารศิโยนเพราะบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่จะเมตตาเมืองนั้นเวลาที่ทรงกำหนดมาถึงแล้ว
14. เพราะก้อนหินของเมืองนั้นเป็นที่รักของผู้รับใช้ของพระองค์และผงคลีดินของเมืองนั้นทำให้พวกเขาเกิดใจสงสาร
15. ประชาชาติทั้งหลายจะเกรงกลัวพระนามพระยาห์เวห์มวลกษัตริย์ของโลกจะยำเกรงพระเกียรติสิริของพระองค์
16. เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงสร้างศิโยนขึ้นใหม่และพระองค์จะมาปรากฏด้วยพระเกียรติสิริของพระองค์
17. พระองค์จะทรงตอบคำอธิษฐานของคนสิ้นไร้ไม้ตอกพระองค์จะไม่ทรงดูแคลนคำทูลวิงวอนของพวกเขาเลย
18. ขอให้บันทึกเรื่องนี้ไว้เพื่อคนรุ่นหลังเพื่อคนที่จะเกิดมาจะได้สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า
19. “องค์พระผู้เป็นเจ้าทอดพระเนตรลงมาจากสถานนมัสการเบื้องบนจากสวรรค์พระองค์ทรงมองดูโลก
20. เพื่อสดับฟังเสียงครวญครางของเหล่านักโทษและทรงปลดปล่อยผู้ต้องโทษประหาร”
21. ดังนั้นพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะถูกประกาศในศิโยนและคำสรรเสริญพระองค์จะถูกประกาศในเยรูซาเล็ม
22. ยามเมื่อชนชาติและอาณาจักรต่างๆมาร่วมชุมนุมเพื่อนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า
23. พระองค์ทรงตัดกำลังข้าพเจ้าทิ้งกลางคันทรงบั่นทอนวันเวลาของข้าพเจ้าให้สั้นลง
24. ข้าพเจ้าจึงร้องทูลว่า“ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขออย่าทรงเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปกลางคันปีเดือนของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุ
25. ในปฐมกาลพระองค์ทรงวางฐานรากของแผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์เป็นพระหัตถกิจของพระองค์
26. สิ่งเหล่านี้จะพินาศไป แต่พระองค์ทรงดำรงอยู่ทั้งหมดนี้จะเก่าไปเหมือนเครื่องนุ่งห่มพระองค์จะทรงเปลี่ยนมันเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้าพวกมันจะถูกโยนทิ้งไป
27. แต่พระองค์เองยังคงเหมือนเดิมและปีเดือนของพระองค์จะไม่สิ้นสุด