8. เมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมากก็เป็นการถวายเกียรติสิริแด่พระบิดาของเราและเป็นการสำแดงว่าตัวท่านเองคือสาวกของเรา
9. “พระบิดาทรงรักเราอย่างไร เราก็รักพวกท่านอย่างนั้น บัดนี้จงคงอยู่ในความรักของเรา
10. ถ้าพวกท่านเชื่อฟังคำบัญชาของเราพวกท่านก็จะคงอยู่ในความรักของเรา ดังที่เราได้เชื่อฟังพระบัญชาของพระบิดาของเราและคงอยู่ในความรักของพระองค์
11. เราบอกท่านไว้เช่นนี้เพื่อว่าความชื่นชมยินดีของเราจะอยู่ในพวกท่าน และเพื่อว่าความชื่นชมยินดีของพวกท่านจะเต็มบริบูรณ์
12. คำบัญชาของเราก็คือ จงรักซึ่งกันและกันเหมือนที่เราได้รักพวกท่าน
13. ไม่มีผู้ใดมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้คือ การที่เขายอมสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตนเอง
14. ถ้าพวกท่านทำตามสิ่งที่เราบัญชาพวกท่านก็เป็นมิตรสหายของเรา
15. เราไม่เรียกพวกท่านว่าบ่าวอีกต่อไปเพราะบ่าวไม่รู้ว่านายทำอะไร ตรงกันข้ามเรากลับเรียกพวกท่านว่ามิตรสหาย เพราะทุกสิ่งที่เราเรียนรู้จากพระบิดาของเรา เราได้สำแดงให้พวกท่านรู้แล้ว
16. พวกท่านไม่ได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกพวกท่านและแต่งตั้งให้พวกท่านไปและเกิดผล เป็นผลซึ่งจะอยู่ถาวร แล้วสิ่งใดที่พวกท่านทูลขอในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่พวกท่าน
17. นี่คือคำบัญชาของเรา คือจงรักซึ่งกันและกัน
18. “ถ้าโลกเกลียดชังพวกท่าน จงจำไว้ว่าโลกได้เกลียดชังเราก่อน
19. ถ้าพวกท่านเป็นของโลก โลกก็จะรักพวกท่านในฐานะที่เป็นของโลก แต่ตามที่เป็นอยู่พวกท่านไม่ได้เป็นของโลกเพราะเราได้เลือกพวกท่านออกมาจากโลกแล้ว ฉะนั้นโลกจึงเกลียดชังพวกท่าน
20. จงระลึกถึงคำที่เราได้กล่าวแก่พวกท่านไว้ว่า ‘บ่าวย่อมไม่เหนือกว่านายของตน’ ถ้าเขาข่มเหงเราพวกเขาย่อมจะข่มเหงพวกท่านด้วย ถ้าพวกเขาเชื่อฟังคำสอนของเราพวกเขาย่อมจะเชื่อฟังคำสอนของพวกท่านด้วย
21. พวกเขาจะปฏิบัติต่อพวกท่านเช่นนี้เนื่องด้วยนามของเรา เพราะพวกเขาไม่รู้จักพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา
22. หากเราไม่ได้มาบอกกล่าวแก่พวกเขา พวกเขาก็คงจะไม่มีความผิดบาป แต่บัดนี้พวกเขาไม่มีข้อแก้ตัวให้กับบาปของตนแล้ว
23. ผู้ที่เกลียดชังเราก็เกลียดชังพระบิดาของเราด้วย
24. เราได้ทำการงานต่างๆ ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อนท่ามกลางพวกเขา ถ้าเราไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้พวกเขาก็คงจะไม่มีความผิดบาป แต่บัดนี้พวกเขาได้เห็นการอัศจรรย์เหล่านี้แล้ว กระนั้นพวกเขายังเกลียดชังทั้งเรากับพระบิดาของเรา
25. แต่นี่เพื่อให้เป็นจริงตามที่เขียนไว้ในหนังสือบทบัญญัติของพวกเขาที่ว่า ‘พวกเขาได้เกลียดชังเราโดยไม่มีเหตุผล’
26. “เราจะส่งองค์ที่ปรึกษาจากพระบิดามาหาพวกท่าน คือพระวิญญาณแห่งความจริงซึ่งออกมาจากพระบิดา เมื่อพระองค์มาแล้ว พระองค์จะทรงเป็นพยานให้เรา
27. และท่านทั้งหลายก็ต้องเป็นพยานด้วยเพราะท่านได้อยู่กับเรามาตั้งแต่ต้น