ปฐมกาล 31:37-55 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

37. เมื่อท่านค้นข้าวของทุกอย่างของฉันแล้ว ท่านพบอะไรที่เป็นของท่านบ้าง? จงเอามาวางต่อหน้าญาติของท่านและของฉันเถิด ให้พวกเขาตัดสินเรื่องระหว่างเราทั้งสอง

38. “ฉันอยู่กับท่านมาจนถึงวันนี้ก็ยี่สิบปีแล้ว ฉันไม่เคยทำให้แพะแกะของท่านแท้งลูก ทั้งฉันก็ไม่เคยกินแกะของท่านเลย

39. ตัวไหนถูกสัตว์ร้ายกัดกิน ฉันก็ไม่ได้เอาไปให้ท่าน ฉันรับผิดชอบความสูญเสียนั้นเอง และท่านก็เรียกร้องให้ฉันชดใช้สัตว์ทุกตัวที่ถูกขโมยไป ไม่ว่าจะหายไปตอนกลางวันหรือกลางคืน

40. ตอนกลางวันก็ถูกความร้อนแผดเผา ตอนกลางคืนก็ต้องทนเหน็บหนาวจนหลับตาไม่ได้

41. เป็นอย่างนี้ตลอดยี่สิบปีที่ฉันอยู่ในครอบครัวของท่าน ฉันทำงานให้ท่านสิบสี่ปีเพื่อจะได้ลูกสาวสองคนของท่าน และอีกหกปีเพื่อจะได้ฝูงสัตว์ และท่านยังเปลี่ยนค่าจ้างของฉันเป็นสิบครั้ง

42. ถ้าพระเจ้าของบรรพบุรุษของฉัน คือพระเจ้าของอับราฮัมและพระเจ้าที่อิสอัคยำเกรงไม่ได้อยู่กับฉัน ท่านก็คงจะให้ฉันมามือเปล่าเป็นแน่ แต่พระเจ้าทอดพระเนตรความยากลำบากและการตรากตรำของฉัน พระองค์จึงทรงว่ากล่าวท่านเมื่อคืนนี้”

43. ลาบันตอบยาโคบว่า “ผู้หญิงเหล่านี้เป็นลูกสาวของเรา เด็กๆ ก็เป็นลูกหลานของเรา ฝูงสัตว์เหล่านี้ก็เป็นฝูงสัตว์ของเรา และทุกอย่างที่เจ้าเห็นอยู่นี้ล้วนเป็นของเรา แต่เราจะทำอะไรลูกสาวของเรา และลูกๆ ที่พวกนางให้กำเนิดได้เล่า?

44. มาเถิดให้เราทำสนธิสัญญาระหว่างเจ้ากับเรา ให้เป็นพยานหลักฐานระหว่างเราทั้งสอง”

45. ดังนั้นยาโคบจึงเอาหินก้อนหนึ่งตั้งขึ้นเป็นเสา

46. แล้วเขาบอกกับญาติว่า “รวบรวมก้อนหินมา” ดังนั้นพวกเขาก็เอาหินมากองรวมกันเป็นพะเนิน และพวกเขาก็รับประทานอาหารด้วยกันข้างกองหินนั้น

47. ลาบันเรียกกองหินนั้นว่าเยการ์สหดูธา และยาโคบเรียกว่ากาเลเอด

48. ลาบันกล่าวว่า “ในวันนี้กองหินนี้จะเป็นพยานระหว่างเรากับเจ้า” นี่เป็นเหตุที่กองหินนั้นได้ชื่อว่ากาเลเอด

49. ทั้งมีชื่อว่ามิสปาห์ด้วย เพราะเขากล่าวว่า “ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเฝ้าดูเรากับเจ้าเมื่อเราจากกันไป

50. ถ้าเจ้าข่มเหงบรรดาลูกสาวของเราหรือมีภรรยาใหม่นอกจากลูกสาวของเรา ถึงแม้ไม่มีใครอยู่กับเรา ก็ขอให้จำไว้ว่าพระเจ้าทรงเป็นพยานระหว่างเจ้ากับเรา”

51. ลาบันกล่าวกับยาโคบด้วยว่า “นี่เป็นกองหินและเสาซึ่งเราตั้งไว้ระหว่างเรากับเจ้า

52. กองหินนี้เป็นพยานและเสานี้เป็นพยานว่า เราจะไม่ล่วงล้ำผ่านกองหินไปทางเขตแดนของเจ้าเพื่อทำร้ายเจ้า และเจ้าก็จะไม่ล่วงล้ำผ่านกองหินและเสานี้มาทางเขตแดนของเราเพื่อทำอันตรายเรา

53. ขอให้พระเจ้าของอับราฮัมและเทพเจ้าของนาโฮร์ คือบรรดาพระของบรรพบุรุษของพวกเขา ทรงตัดสินระหว่างเราและเจ้า”ดังนั้นยาโคบจึงกล่าวปฏิญาณในพระนามพระเจ้าผู้ซึ่งอิสอัคบิดาของตนยำเกรง

54. เขาถวายเครื่องบูชาที่นั่น ที่เทือกเขานั้นและเชิญญาติพี่น้องรับประทานอาหาร หลังจากรับประทานอาหารแล้วก็พักค้างคืนที่นั่น

55. เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ลาบันจูบอำลาและให้พรลูกหลานแล้วก็เดินทางกลับบ้าน

ปฐมกาล 31