7. ประชากรจึงมาหาโมเสสและร้องว่า “พวกข้าพเจ้าได้ทำบาปที่บ่นว่าองค์พระผู้เป็นเจ้ากับบ่นว่าท่าน โปรดอธิษฐานทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าให้นำงูออกไปเถิด” ดังนั้นโมเสสจึงอธิษฐานเผื่อประชากร
8. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงทำงูตัวหนึ่งติดไว้ที่ยอดเสา ผู้ใดถูกงูกัด จงมองดูงูนั้นแล้วจะรอดชีวิต”
9. โมเสสจึงทำงูจากทองสัมฤทธิ์ติดไว้ที่ยอดเสา และเมื่อผู้ที่ถูกงูกัดมองดูงูทองสัมฤทธิ์นั้นก็มีชีวิตอยู่
10. ชนอิสราเอลออกเดินทางมาตั้งค่ายอยู่ที่โอโบท
11. แล้วเดินทางต่อมายังอิเยอาบาริมในถิ่นกันดารตรงข้ามโมอับด้านตะวันออก
12. พวกเขาเดินทางต่อจากที่นั่น และมาตั้งค่ายพักที่หุบเขาเศเรด
13. แล้วเคลื่อนมาตั้งค่ายที่ริมแม่น้ำอารโนนในถิ่นกันดาร ซึ่งต่อเข้าไปในเขตแดนของชาวอาโมไรต์ แม่น้ำอารโนนเป็นเส้นพรมแดนระหว่างโมอับกับอาโมไรต์
14. ด้วยเหตุนี้ในหนังสือสงครามขององค์พระผู้เป็นเจ้าจึงระบุว่า“…วาเฮบในเมืองสุฟาห์และลำห้วยอารโนน
15. และลาดเขาของลำห้วยซึ่งนำไปสู่ที่ตั้งของเมืองอาร์เลียบไปตามเขตแดนของโมอับ”
16. จากที่นั่นอิสราเอลเดินทางต่อมายังเบเออร์ซึ่งเป็นบ่อน้ำที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “จงเรียกชุมนุมประชากร เราจะให้น้ำแก่พวกเขา”
17. อิสราเอลจึงขับร้องเพลงนี้ว่า“บ่อน้ำเอ๋ย จงให้น้ำพุ่งขึ้นมาเถิดให้เราขับขานลำนำน้ำ
18. บ่อซึ่งบรรดาผู้นำได้ขุดขึ้นฝีมือเจาะของเหล่าเจ้านายด้วยคทาและไม้เท้าของท่านเหล่านั้น”แล้วพวกเขาก็ออกจากถิ่นกันดารเดินทางไปมัทธานาห์
19. ผ่านมัทธานาห์ นาหะลีเอลและบาโมท
20. จนมาถึงหุบเขาในโมอับ มียอดเขาปิสกาห์ซึ่งมองลงมาเห็นถิ่นกันดาร
21. อิสราเอลส่งทูตเข้าพบกษัตริย์สิโหนของชาวอาโมไรต์เพื่อแจ้งว่า