21. จงถวายเครื่องบูชาจากธัญญาหารรุ่นแรกสุดของเจ้านี้แด่องค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดทุกชั่วอายุสืบไป
22. “ ‘หากเจ้าทั้งหลายพลาดพลั้งโดยไม่เจตนา ไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญชาเหล่านี้ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานผ่านทางโมเสส
23. หากลูกหลานของเจ้าในรุ่นต่อๆ ไปไม่ได้ปฏิบัติตามพระบัญชาใดๆ เหล่านี้
24. และหากเป็นความผิดโดยไม่เจตนาและชุมชนไม่รู้ตัว ชุมชนทั้งหมดจะต้องถวายวัวหนุ่มหนึ่งตัวเป็นเครื่องเผาบูชา เป็นกลิ่นหอมที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย พร้อมด้วยเครื่องธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาควบคู่ตามที่ระบุไว้ และถวายแพะผู้หนึ่งตัวเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
25. ปุโรหิตจะทำการลบบาปสำหรับชุมชนอิสราเอลทั้งหมด และพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษเพราะทำผิดไปโดยไม่เจตนา และเขาได้นำเครื่องบูชาด้วยไฟและเครื่องบูชาไถ่บาปถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อไถ่ความผิดของเขาแล้ว
26. ชุมชนอิสราเอลทั้งหมดตลอดจนคนต่างด้าวซึ่งอาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษ เพราะประชากรทั้งหมดมีส่วนในความผิดโดยไม่เจตนานั้น
27. “ ‘แต่หากคนเพียงคนเดียวทำบาปโดยไม่เจตนา เขาต้องถวายแพะตัวเมียอายุหนึ่งขวบเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป
28. ปุโรหิตจะลบบาปให้ผู้นั้นต่อหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและเขาจะได้รับการอภัย
29. บทบัญญัติเดียวกันนี้ใช้กับทุกคนที่ทำบาปโดยไม่เจตนา ไม่ว่าเขาจะเป็นคนอิสราเอลโดยกำเนิดหรือคนต่างด้าว
30. “ ‘แต่หากผู้ใดจงใจทำบาป ไม่ว่าจะเป็นคนอิสราเอลโดยกำเนิดหรือคนต่างด้าว เป็นการหมิ่นประมาทองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้นั้นจะต้องถูกตัดออกจากหมู่ประชากรของเขา
31. เพราะเขาได้ลบหลู่พระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาและฝ่าฝืนพระบัญชา ผู้นั้นจะต้องถูกตัดออก ความผิดนั้นยังคงอยู่กับเขาต่อไป’ ”
32. ขณะที่ชนอิสราเอลอยู่ในถิ่นกันดาร ชายคนหนึ่งถูกจับได้ในขณะเก็บฟืนในวันสะบาโต
33. คนที่พบเขากำลังเก็บฟืนจึงได้นำตัวเขามาพบโมเสส อาโรน และชุมนุมประชากรทั้งหมด
34. เขาถูกคุมตัวไว้เพราะยังไม่รู้ชัดเจนว่าควรจัดการกับเขาอย่างไร
35. แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “ชายคนนั้นมีโทษถึงตาย ชุมนุมประชากรทั้งปวงต้องเอาหินขว้างเขานอกค่ายพัก”
36. เขาทั้งปวงจึงพาคนนั้นออกไปนอกค่าย และเอาหินขว้างจนตายตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาโมเสส
37. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
38. “จงแจ้งประชากรอิสราเอลว่า ‘ตลอดทุกชั่วอายุ เจ้าจะต้องทำพู่ และร้อยพู่แต่ละอันด้วยด้ายสีน้ำเงินห้อยที่มุมชายเสื้อ