กันดารวิถี 14:5-24 พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย (TNCV)

5. โมเสสและอาโรนจึงหมอบกราบซบหน้าลงกับพื้นต่อหน้าชุมชนอิสราเอลทั้งปวงที่นั่น

6. โยชูวาบุตรนูนและคาเลบบุตรเยฟุนเนห์ซึ่งออกไปสำรวจดินแดนด้วยจึงฉีกเสื้อผ้าของตน

7. และกล่าวแก่ชุมนุมประชากรอิสราเอลทั้งปวงว่า “ดินแดนที่เราเข้าไปสำรวจนั้นดีเยี่ยมจริงๆ

8. หากองค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดปรานพวกเรา พระองค์จะทรงนำเราเข้าไปในดินแดนที่อุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง และจะยกดินแดนนั้นให้แก่เรา

9. ขอเพียงแต่เราอย่ากบฏต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย ไม่ต้องกลัวผู้คนในดินแดนนั้น เพราะเราจะกลืนกินพวกเขา สิ่งที่พิทักษ์รักษาเขาก็สูญสิ้นไปแล้ว แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับเรา อย่ากลัวพวกเขาเลย”

10. แต่ชุมนุมประชากรทั้งปวงคบคิดกันจะเอาก้อนหินขว้างเขาทั้งสอง ขณะนั้นพระเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏที่เต็นท์นัดพบต่อหน้าชนอิสราเอลทั้งปวง

11. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “ประชากรเหล่านี้จะสบประมาทเราไปนานเท่าใด? พวกเขาจะไม่ยอมเชื่อถือเราอีกนานเท่าใด? ทั้งๆ ที่เราได้ทำการอัศจรรย์นานัปการในหมู่พวกเขา

12. เราจะใช้ภัยพิบัติมาทำลายพวกนั้น แต่เราจะทำให้เจ้าเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งกว่าพวกเขา”

13. โมเสสกราบทูลองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า “ชาวอียิปต์จะได้ยินเรื่องนี้! เรื่องที่พระองค์ทรงนำประชากรเหล่านี้ออกมาจากหมู่พวกเขาโดยฤทธิ์อำนาจของพระองค์

14. และเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้ผู้คนแถบนี้ฟัง ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพวกเขาได้ยินแล้วว่าพระองค์สถิตอยู่กับประชากรเหล่านี้ ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าพวกเขาได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์ และทราบว่าเมฆของพระองค์อยู่เหนือพวกเขา พระองค์ทรงนำหน้าพวกเขาไปด้วยเสาเมฆในเวลากลางวันและเสาเพลิงในเวลากลางคืน

15. หากพระองค์ทรงประหารประชากรทั้งหมดในคราวเดียวกัน ประชาชาติทั้งหลายที่ได้ยินเรื่องนี้จะพูดกันว่า

16. ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่สามารถนำคนเหล่านี้ไปยังดินแดนที่ทรงสัญญา โดยคำปฏิญาณว่าจะมอบให้ จึงทรงประหารเขาในถิ่นกันดาร’

17. “บัดนี้ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสำแดงอานุภาพดังที่ได้ทรงประกาศไว้ว่า

18. ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงกริ้วช้า บริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง ทรงอภัยบาปและการกบฏ แต่พระองค์จะไม่ทรงละเว้นโทษผู้ที่ทำผิด พระองค์จะทรงลงโทษลูกหลานของเขาเพราะบาปของบรรพบุรุษถึงสามสี่ชั่วอายุคน’

19. โดยเห็นแก่ความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ขอทรงอภัยโทษบาปของประชากรเหล่านี้ดังที่ได้ทรงอภัยให้เสมอมาตั้งแต่ข้าพระองค์ทั้งหลายออกจากอียิปต์มาจวบจนบัดนี้”

20. องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสตอบว่า “เราได้อภัยโทษให้พวกเขาตามที่เจ้าขอร้องแล้ว

21. แต่เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด ทั่วพิภพโลกจะเต็มไปด้วยเกียรติสิริขององค์พระผู้เป็นเจ้าฉันนั้น

22. ทุกคนที่ได้เห็นเกียรติสิริของเราและเห็นหมายสำคัญที่เราได้ทำทั้งในอียิปต์และในถิ่นกันดารแล้วยังไม่ยอมเชื่อฟังเรา แต่ลองดีกับเรานับสิบครั้ง

23. ในบรรดาคนเหล่านี้จะไม่มีสักคนเดียวที่จะได้เห็นดินแดนที่เราสัญญาโดยปฏิญาณว่าจะยกให้บรรพบุรุษของเขา จะไม่มีใครที่ดูหมิ่นเรา แล้วจะได้เห็นดินแดนนี้

24. ส่วนคาเลบผู้รับใช้ของเรามีจิตใจแตกต่างออกไป และติดตามเราอย่างสุดใจ เราจะพาเขาเข้าไปยังดินแดนที่เขาได้สำรวจมา และวงศ์วานของเขาจะได้ครอบครองดินแดนนั้น

กันดารวิถี 14