7. พวกเขาไม่ต้องทำรายงานการเงินซึ่งพวกเขาได้รับมา เพราะพวกเขาทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต”
8. มหาปุโรหิตฮิลคียาห์แจ้งราชเลขาชาฟานว่า “ข้าพเจ้าได้พบหนังสือพระบัญญัติในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า” แล้วเขามอบให้ชาฟานอ่าน
9. ราชเลขาชาฟานจึงไปทูลรายงานกษัตริย์ว่า “ข้าราชสำนักได้จ่ายเงินที่มีอยู่ในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้คนงานและผู้ควบคุมการซ่อมแซมพระวิหาร”
10. แล้วราชเลขาชาฟานทูลกษัตริย์ว่า “ปุโรหิตฮิลคียาห์ได้มอบหนังสือนี้แก่ข้าพระบาท” ชาฟานจึงอ่านหนังสือนั้นต่อหน้ากษัตริย์
11. เมื่อกษัตริย์ได้ทรงฟังเนื้อความในหนังสือบทบัญญัตินั้นก็ทรงฉีกฉลองพระองค์
12. และทรงบัญชาปุโรหิตฮิลคียาห์ อาหิคัมบุตรชาฟาน อัคโบร์บุตรมีคายาห์ ราชเลขาชาฟาน และมหาดเล็กอาสายาห์ว่า
13. “จงไปทูลถามองค์พระผู้เป็นเจ้าให้เราและเหล่าประชากรทั่วทั้งยูดาห์เกี่ยวกับสิ่งที่บันทึกไว้ในหนังสือที่ได้พบนี้ พระพิโรธขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่เผาผลาญเรานั้นร้ายแรงนัก เพราะบรรพบุรุษของเราไม่ได้ปฏิบัติตามถ้อยคำในหนังสือนี้เลย ซึ่งมีบันทึกเกี่ยวโยงมาถึงเราทั้งหลาย”
14. ปุโรหิตฮิลคียาห์ อาหิคัมบุตรชาฟาน อัคโบร์บุตรมีคายาห์ ราชเลขาชาฟาน และมหาดเล็กอาสายาห์ จึงไปพบผู้เผยพระวจนะหญิงฮุลดาห์ซึ่งอาศัยอยู่ที่เยรูซาเล็มแขวงสอง นางเป็นภรรยาของชัลลูมบุตรทิกวาห์ผู้เป็นบุตรของฮารฮัสผู้ดูแลเครื่องทรง