22. ใครนะที่เจ้าเย้ยหยันและลบหลู่?เจ้าขึ้นเสียงและทำตาหยิ่งยโสใส่ใคร?ก็องค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลน่ะสิ!
23. เจ้าใช้ผู้สื่อสารของเจ้ามากล่าววาจาลบหลู่องค์พระผู้เป็นเจ้าและเจ้าได้กล่าวว่า“ด้วยรถม้าศึกมากมายของข้าข้าได้ขึ้นไปถึงบรรดายอดเขาสูงสู่สุดยอดแห่งเลบานอนข้าได้โค่นบรรดาสนซีดาร์ที่สูงที่สุดและต้นสนที่ดีเยี่ยมที่สุดข้าได้เข้าไปถึงส่วนลึกที่สุดคือป่าอันอุดมที่สุด
24. ข้าได้ขุดบ่อน้ำหลายบ่อในต่างแดนและดื่มน้ำที่นั่นด้วยส้นเท้าของข้าลำธารทั้งหลายของอียิปต์ก็แห้งเหือด”
25. “ ‘เจ้าไม่เคยได้ยินเลยหรือ?เราได้บัญชาไว้ตั้งนานมาแล้วเราได้วางแผนไว้ตั้งแต่อดีตและบัดนี้เราก็ทำให้เป็นไปตามนั้นคือให้เจ้าพิชิตเมืองป้อมปราการทั้งหลายทำให้กลายเป็นกองหิน
26. ชาวเมืองเหล่านั้นหมดอำนาจถดถอยและอับอายพวกเขาเหมือนพืชในทุ่งนาเหมือนหน่ออ่อนเขียวสดเหมือนหญ้างอกขึ้นบนหลังคาถูกแดดแผดเผาก่อนจะโตขึ้นมา
27. “ ‘แต่เรารู้จักเจ้าดีไม่ว่าความเป็นมาหรือความเป็นไปของเจ้าและรู้ที่เจ้าฉุนเฉียวใส่เรา
28. เพราะเจ้าเกรี้ยวกราดใส่เราและวาจาโอหังของเจ้าเข้าหูเราเราจะเอาเบ็ดเกี่ยวจมูกของเจ้าและเอาบังเหียนใส่ปากของเจ้าและเราจะทำให้เจ้าหันกลับไปตามเส้นทางที่เจ้ามา’
29. “เฮเซคียาห์เอ๋ย นี่จะเป็นหมายสำคัญแก่เจ้า คือ“ปีนี้เจ้าจะกินพืชพันธุ์ที่งอกขึ้นเองและปีที่สองก็จะกินพืชพันธุ์ที่ออกผลตามมาแต่ในปีที่สาม จงหว่านและเก็บเกี่ยวจงทำสวนองุ่นและกินผลของมัน
30. ประชากรยูดาห์ที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือนั้นจะหยั่งรากและเกิดผลอีกครั้งหนึ่ง
31. เพราะจะมีคนที่เหลือรอดอยู่หยิบมือหนึ่งมาจากเยรูซาเล็มและผู้รอดชีวิตกลุ่มหนึ่งจะมาจากภูเขาศิโยนความกระตือรือร้นของพระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์จะกระทำให้สำเร็จตามนี้
32. “ฉะนั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสถึงกษัตริย์อัสซีเรียดังนี้ว่า“เขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองนี้หรือยิงธนูที่นี่เขาจะไม่มาถือโล่อยู่หน้าเมืองหรือสร้างเชิงเทินล้อมโจมตีมัน
33. เขามาทางไหนก็จะกลับไปทางนั้นเขาจะไม่ได้เข้ามาในเมืองนี้ องค์พระผู้เป็นเจ้าประกาศดังนั้น
34. เราจะปกป้องและช่วยเมืองนี้ไว้เพื่อเห็นแก่เราเองและเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา”