3. ส่วนคนทั้งหมดที่อยู่ด้วยนั้นจะถูกคุมตัวมาเข้าเฝ้าฝ่าพระบาทโดยไม่ทำอันตรายเขา ความตายของชายที่ฝ่าพระบาทมุ่งเอาชีวิตจะทำให้เราได้คนทั้งปวงกลับคืนมาอย่างปลอดภัย”
4. อับซาโลมและบรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอลล้วนเห็นด้วยกับแผนการนี้
5. แต่อับซาโลมกล่าวว่า “เรียกหุชัยชาวอารคีมาถามด้วยดีกว่า จะได้ฟังว่าเขาพูดว่าอย่างไร”
6. เมื่อหุชัยมาถึง อับซาโลมก็กล่าวว่า “อาหิโธเฟลได้ให้คำแนะนำอย่างนี้ เราควรจะทำตามที่เขาพูดหรือไม่? ถ้าไม่ จงให้คำแนะนำแก่เรา”
7. หุชัยทูลว่า “ครั้งนี้ข้าพระบาทคิดว่าคำแนะนำของอาหิโธเฟลไม่ดี
8. ฝ่าพระบาททรงรู้จักราชบิดากับพวกดี แต่ละคนล้วนเป็นชายชาตินักสู้และดุร้ายเหมือนแม่หมีที่ถูกขโมยลูกไป นอกจากนี้ราชบิดายังเป็นนักรบเจนศึกและไม่ประทับแรมกลางหมู่ทหาร
9. บางทีอาจจะซ่อนพระองค์อยู่ตามถ้ำหรือที่ไหนๆ และหากราชบิดาเป็นฝ่ายโจมตีก่อน ใครต่อใครได้ยินเข้าก็จะกล่าวว่า ‘กองทหารของอับซาโลมถูกประหารหมู่’
10. คราวนี้แม้คนที่กล้าหาญที่สุด ต่อให้ใจสิงห์แค่ไหนก็จะต้องขวัญเสีย เพราะอิสราเอลทั้งปวงล้วนทราบว่าราชบิดาของฝ่าพระบาททรงเป็นนักสู้ และทหารที่อยู่ด้วยก็ล้วนห้าวหาญ
11. “ข้าพระบาทขอถวายคำแนะนำให้ทรงระดมพลอิสราเอลทั้งหมดจากดานจดเบเออร์เชบาซึ่งมากมายดุจทรายที่ชายฝั่งทะเล โดยมีฝ่าพระบาทนำทัพไปเอง
12. จากนั้นเมื่อเราพบราชบิดาที่ไหน เราก็จะกรูเข้าโจมตีเหมือนน้ำค้างกลบผืนดินไม่ให้เหลือรอดสักคนเดียว
13. และหากดาวิดถอยร่นเข้าเมือง ชาวอิสราเอลทั้งสิ้นก็จะเอาเชือกล่ามเมือง ลากลงหุบเขาจนไม่เหลือกรวดสักก้อนให้เห็น”
14. อับซาโลมและผู้นำอิสราเอลทั้งหมดกล่าวว่า “คำแนะนำของหุชัยชาวอารคีดีกว่าคำแนะนำของอาหิโธเฟล” เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตั้งพระทัยที่จะขัดขวางคำแนะนำที่ดีของอาหิโธเฟล เพื่อนำความย่อยยับมาสู่อับซาโลม
15. หุชัยรายงานต่อปุโรหิตศาโดกและปุโรหิตอาบียาธาร์ว่า “อาหิโธเฟลให้คำแนะนำแก่อับซาโลมกับบรรดาผู้อาวุโสของอิสราเอลให้ทำสิ่งเหล่านั้น แต่เราได้แนะนำให้เขาทำสิ่งเหล่านี้