14. พระเจ้ายกเลิกข้อกล่าวหาพวกเราที่ได้บันทึกไว้ พระองค์เอามันไปตรึงที่กางเขน
15. พระเจ้าปราบปรามพวกผู้ครอบครองและพวกผู้มีสิทธิอำนาจทั้งหลายจนต้องวางอาวุธลง พระเจ้านำเขาไปเป็นเชลยในขบวนแห่แห่งชัยชนะ ทำให้พวกนี้อับอายขายหน้าในที่สาธารณะ พระเจ้าทำอย่างนี้ได้เพราะความตายของพระคริสต์
16. ดังนั้นอย่าให้ใครมาประจานพวกคุณ เพราะสิ่งที่กินและดื่ม หรือในเรื่องงานเทศกาลทางศาสนา งานฉลองพระจันทร์ข้างขึ้น หรือวันหยุดทางศาสนา
17. สิ่งเหล่านี้เป็นแค่เงาของสิ่งที่จะตามมาภายหลัง แต่แก่นแท้ของสิ่งเหล่านี้คือพระคริสต์
18. บางคนชอบที่จะขจัดกิเลสของตัวเอง และชอบนมัสการพระเจ้าด้วยกันกับทูตสวรรค์ เพราะเขาบอกว่าเขาเห็นสิ่งต่างๆในสวรรค์ผ่านทางนิมิตของเขา อย่าไปสนใจฟังพวกเขาเมื่อพวกเขาพูดว่าคุณจะไม่ได้รับรางวัลจากพระเจ้าเพราะคุณไม่ได้ทำตามพวกเขา ความคิดอย่างนั้นเป็นแค่ความคิดของมนุษย์ที่ทำให้พวกเขาเย่อหยิ่งจองหองไม่เข้าเรื่อง
19. คนพวกนั้นไม่ได้ยึดติดอยู่กับศีรษะซึ่งก็คือพระคริสต์ พระคริสต์นี่เองเป็นแหล่งทำให้ร่างกายทั้งหมดได้รับการบำรุงเลี้ยงดู และยึดส่วนต่างๆของร่างกายเข้าด้วยกันด้วยข้อและเอ็นต่างๆทำให้ทั้งร่างเจริญเติบโตขึ้นตามที่พระเจ้าต้องการ
20. ในเมื่อคุณได้ตายร่วมกับพระคริสต์ และเป็นอิสระจากพวกวิญญาณที่ครอบครองโลกนี้แล้ว ทำไมคุณยังทำตัวเหมือนว่าตัวเองยังเป็นของโลกนี้อยู่ และยังยอมอยู่ใต้กฎต่างๆ
21. เช่น “ห้ามจับ” “ห้ามชิม” หรือ “ห้ามแตะต้อง”
22. กฎพวกนี้มันเกี่ยวกับสิ่งของที่เมื่อเอามาใช้แล้วก็หมดไป กฎพวกนี้ก็เป็นแค่คำสั่งหรือคำสอนจากมนุษย์เท่านั้น
23. กฎพวกนี้ฟังดูฉลาดเข้าท่าทีเดียว พวกเขาเคร่งครัดในศาสนาที่มนุษย์คิดขึ้น ทำให้เขาต้องทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อขจัดกิเลสของตัวเอง รวมทั้งทรมานร่างกายด้วย แต่มันไม่ได้ช่วยยับยั้งความอยากของสันดานเลย