11. เหล่าทูตสวรรค์ก็จะรับคุณไว้เพื่อไม่ให้เท้าของคุณกระแทกหิน’” (สดุดี 91:11-12)
12. แต่พระเยซูตอบว่า “พระคัมภีร์ยังบอกอีกว่า ‘อย่าได้ลองดีกับองค์เจ้าชีวิตพระเจ้าของเจ้า’”
13. เมื่อมารร้ายได้ลองใจพระองค์ครบทุกอย่างแล้ว มันก็จากไปเพื่อคอยหาโอกาสเหมาะอีก
14. พระเยซูกลับไปแคว้นกาลิลี พระองค์เต็มไปด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ ชื่อเสียงของพระองค์แพร่กระจายไปทั่วแถบนั้น
15. พระองค์สอนอยู่ในที่ประชุม และทุกคนต่างยกย่องพระองค์
16. แล้วพระเยซูก็ไปเมืองนาซาเร็ธ ซึ่งเป็นเมืองที่พระองค์เติบโตมา เมื่อถึงวันหยุดทางศาสนา พระองค์ก็ไปที่ประชุมเหมือนที่ทำเป็นประจำ พระองค์ยืนขึ้นเพื่ออ่านข้อความจากพระคัมภีร์
17. พระองค์ได้รับม้วนหนังสือมา เป็นหนังสืออิสยาห์ ซึ่งเป็นผู้พูดแทนพระเจ้า คนหนึ่ง แล้วคลี่ม้วนหนังสือนั้นออก เพื่อหาข้อความที่เขียนไว้ว่า
18. “พระวิญญาณขององค์เจ้าชีวิตอยู่กับเราเพราะพระองค์แต่งตั้งให้เราประกาศข่าวดีกับคนจนพระองค์ส่งเรามา บอกนักโทษว่าจะได้เป็นอิสระบอกคนตาบอดว่าจะมองเห็น บอกคนที่ถูกกดขี่ข่มเหงว่าจะได้เป็นอิสระ
19. และบอกว่าถึงเวลาแล้วที่พระเจ้าจะมาช่วยคนของพระองค์” (อิสยาห์ 61:1-2; 58:6)
20. จากนั้น พระองค์ม้วนหนังสือส่งคืนให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลแล้วนั่งลง แล้วทุกสายตาในที่นั้นก็จ้องเขม็งมาที่พระองค์
21. พระองค์เริ่มพูดกับพวกเขาว่า “ในวันนี้เรื่องในพระคัมภีร์ที่คุณเพิ่งได้ยินเราอ่านไปนั้น ได้เป็นจริงแล้ว”
22. ทุกคนก็ได้พูดเยินยอพระองค์ และแปลกใจในคำพูดสุดแสนวิเศษที่ออกมาจากปากพระองค์ พวกเขาถามกันว่า “นี่ลูกโยเซฟไม่ใช่หรือ”
23. แล้วพระองค์พูดว่า “พวกคุณจะต้องยกคำสุภาษิตนี้มาอ้างกับเราแน่ ที่ว่า ‘หมอเอ๋ย รักษาตัวเองเสียก่อนเถอะ’ แล้วพวกคุณคงอยากจะพูดว่า ‘ทำเรื่องอัศจรรย์ที่นี่ในบ้านเมืองของเจ้าสิ อย่างที่เราได้ยินว่าเจ้าทำที่เมืองคาเปอรนาอุม’
24. แต่เราจะบอกให้รู้นะว่า ไม่มีผู้พูดแทนพระเจ้า คนไหน ที่ได้รับการยอมรับในบ้านเมืองของตัวเองหรอก