10. แต่ถ้าเมืองไหนไม่ต้อนรับคุณ ก็ให้ไปยืนอยู่ที่ถนนแล้วพูดว่า
11. ‘แม้แต่ฝุ่นในเมืองนี้ที่ติดเท้าเรา เราก็จะปัดออกให้หมด’ เพื่อเป็นการเตือนพวกคุณ แต่ให้รู้เอาไว้ว่า ‘อาณาจักรของพระเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว’
12. เราจะบอกให้รู้ว่า ในวันพิพากษา โทษของเมืองนี้จะรุนแรงกว่าโทษของเมืองโสโดม เสียอีก”
13. “น่าละอายจริงๆเมืองโคราซินและเมืองเบธไซดา เพราะถ้าเรื่องอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในเมืองของเจ้านี้ไปเกิดที่เมืองไทระและเมืองไซดอน แล้วละก็ คนที่นั่นก็คงกลับตัวกลับใจ ใส่ผ้ากระสอบและเอาขี้เถ้าโรยหัวไปนานแล้ว
14. ในวันพิพากษานั้น โทษของเมืองนี้จะรุนแรงกว่าโทษของเมืองไทระและเมืองไซดอนเสียอีก
15. ส่วนเจ้า เมืองคาเปอรนาอุม เจ้าคิดว่า เจ้าจะถูกยกขึ้นสูงเทียมฟ้าหรือ ไม่มีทาง เจ้าจะต้องถูกโยนลงไปในแดนคนตายต่างหาก”
16. แล้วพระองค์ก็บอกกับศิษย์ว่า “คนที่ยอมรับถ้อยคำของพวกคุณ ก็เท่ากับยอมรับเราด้วย และคนที่ปฏิเสธพวกคุณ ก็เท่ากับปฏิเสธเราด้วย แล้วคนที่ปฏิเสธเรา ก็เท่ากับปฏิเสธพระเจ้าผู้ที่ส่งเรามาด้วย”
17. ศิษย์ทั้งเจ็ดสิบสองคน กลับมารายงานพระเยซูด้วยความดีใจว่า “อาจารย์ครับ ตอนที่เราอ้างชื่อของอาจารย์ แม้แต่พวกผีร้าย ยังเชื่อฟังเราเลย”
18. พระเยซูตอบว่า “เราเห็นซาตานตกลงมาจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ
19. เราให้อำนาจพวกคุณ ในการเหยียบย่ำงูร้ายและแมลงป่อง และให้มีอำนาจเหนือศัตรูทั้งหมด ไม่มีอะไรทำร้ายพวกคุณได้
20. แต่อย่าดีใจเพราะพวกผีร้ายเชื่อฟังพวกคุณ แต่ให้ดีใจเพราะมีชื่อของพวกคุณจดไว้บนสวรรค์แล้ว”
21. ในเวลานั้นพระเยซูเต็มไปด้วยความสุขในพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์พูดว่า“ลูกขอขอบคุณพระองค์ผู้เป็นเจ้าของฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินโลก เพราะพระองค์ได้ปิดบังเรื่องเหล่านี้จากพวกที่มีการศึกษาและเฉลียวฉลาด แต่เปิดเผยให้กับคนที่ไร้เดียงสาเหมือนเด็กเล็กๆได้รู้ ใช่แล้ว นี่แหละเป็นสิ่งที่ทำให้พระองค์พอใจ”
22. “พระบิดาได้ให้เรามีสิทธิอำนาจเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีใครรู้จักพระบุตร นอกจากพระบิดา และไม่มีใครรู้จักพระบิดา นอกจากพระบุตร และคนที่พระบุตรเลือกที่จะบอกให้รู้เกี่ยวกับพระบิดา”