5. “บอกชาวเมืองศิโยน ว่าดูนั่นสิ กษัตริย์ของพวกคุณกำลังมาหาพระองค์สุภาพอ่อนโยนและนั่งอยู่บนหลังลานั่งอยู่บนลูกลาน้อยตัวผู้ตัวหนึ่ง” (เศคาริยาห์ 9:9)
6. ศิษย์สองคนนั้นเข้าไปในหมู่บ้าน และทำตามที่พระเยซูสั่ง
7. พวกเขาจูงแม่ลาและลูกลามาให้พระองค์ แล้วเอาเสื้อคลุมของเขาปูบนหลังลาให้พระเยซูนั่ง
8. ฝูงชน เป็นจำนวนมากพากันเอาเสื้อคลุมของตนปูบนถนน บางคนก็ตัดกิ่งไม้มาปูตามท้องถนน ให้พระองค์ผ่าน
9. ฝูงชนที่เดินนำหน้าและที่เดินตามหลังพระองค์ ต่างก็พากันโห่ร้องว่า“ไชโย สำหรับบุตรของดาวิดขอพระเจ้าอวยพรคนที่มาในนามขององค์เจ้าชีวิต (สดุดี 118:25-26)ไชโย แด่พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุดในสวรรค์”
10. เมื่อพระองค์เข้าไปในเมืองเยรูซาเล็มคนทั้งเมืองต่างแตกตื่นถามกันว่า “ใครกันนี่”
11. ฝูงชนก็ตอบว่า “เยซูไง ผู้พูดแทนพระเจ้า คนนั้นที่มาจากหมู่บ้านนาซาเร็ธ แคว้นกาลิลี”
12. พระเยซูเข้าไปในเขตวิหาร และไล่คนที่กำลังซื้อและขายข้าวของกันอยู่ที่นั่นออกไปจนหมด พระองค์คว่ำโต๊ะของคนรับแลกเงิน และที่นั่งของคนขายนกพิราบ
13. พระองค์ร้องบอกกับทุกคนที่อยู่ในที่นั่นว่า “พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘บ้านของเรามีชื่อว่าเป็นบ้านสำหรับอธิษฐาน’ แต่พวกคุณกลับทำให้มันเป็นรังโจร”
14. มีคนตาบอดและคนง่อย เข้ามาหาพระองค์ในวิหาร พระองค์รักษาพวกเขาจนหาย
15. เมื่อพวกหัวหน้านักบวชและครูสอนกฎปฏิบัติ เห็นสิ่งอัศจรรย์ต่างๆที่พระเยซูทำ และได้ยินเสียงเด็กๆโห่ร้องกันในวิหารว่า “ไชโย สำหรับบุตรของดาวิด” พวกเขาก็โกรธแค้นพระเยซูมาก
16. พวกเขาถามพระองค์ว่า “ได้ยินที่เด็กๆพวกนั้นโห่ร้องกันอยู่หรือเปล่า” พระเยซูตอบว่า “ได้ยินสิ พวกคุณไม่เคยอ่านในพระคัมภีร์หรือที่ว่า ‘พระเจ้าได้สอนเด็กๆและทารก ให้ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์’”
17. แล้วพระเยซูก็ออกจากเมืองไปพักค้างคืนอยู่ที่หมู่บ้านเบธานี
18. เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ในระหว่างทางที่พระเยซูกำลังเดินกลับเข้าเมือง พระองค์รู้สึกหิว