6. เมื่อพระเยซูกับพวกศิษย์เอกมาอยู่กันพร้อมหน้า พวกศิษย์เอกถามพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ตอนนี้พระองค์กำลังจะคืนแผ่นดินให้กับอิสราเอลแล้วใช่ไหมครับ”
7. พระองค์ตอบว่า “มันไม่ใช่เรื่องของพวกคุณ พระบิดาเองได้ตัดสินวันเวลานั้นไว้ก่อนแล้ว
8. เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์มาอยู่กับพวกคุณ พวกคุณก็จะได้รับฤทธิ์เดช และจะเป็นพยานเล่าเรื่องของเราให้คนฟัง ทั่วเมืองเยรูซาเล็ม ในแคว้นยูเดีย ในแคว้นสะมาเรีย และทุกหนแห่งในโลกนี้”
9. เมื่อพระเยซูพูดเสร็จ พระเจ้าก็ได้รับพระองค์ขึ้นไปสวรรค์ต่อหน้าต่อตาพวกเขา แล้วก้อนเมฆก็บังพระองค์จากสายตาของพวกเขา
10. ในขณะที่พวกเขากำลังเพ่งดูพระองค์จากไปในท้องฟ้านั้น จู่ๆก็มีชายชุดขาวสองคนมายืนอยู่ข้างๆพวกเขา
11. แล้วพูดว่า “ชาวกาลิลี พวกคุณยังยืนเพ่งดูท้องฟ้าอยู่ทำไม พระเจ้ารับพระเยซูขึ้นไปบนสวรรค์แล้ว และพระองค์จะกลับมาอีกครั้ง เหมือนอย่างที่พวกคุณเห็นพระองค์ถูกรับขึ้นไปนี่แหละ”
12. จากนั้นพวกเขาก็ลงจากภูเขามะกอกเทศ กลับไปที่เมืองเยรูซาเล็ม ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร
13. เมื่อมาถึงเมืองเยรูซาเล็ม พวกศิษย์ซึ่งมีเปโตร ยอห์น ยากอบกับอันดรูว์ ฟีลิปกับโธมัส บารโธโลมิวกับมัทธิว ยากอบบุตรชายของอัลเฟอัส ซีโมนผู้มีใจจดจ่อกับพระเจ้า กับยูดาสลูกชายยากอบ ก็ได้ขึ้นไปห้องชั้นบนที่พวกเขาเคยอยู่
14. พวกเขาทั้งสิบเอ็ดคน รวมทั้งผู้หญิงบางคนและมารีย์แม่ของพระเยซู ตลอดจนน้องๆของพระองค์ ก็มาพบกันเพื่ออธิษฐานอยู่เสมอ
15. มีอยู่วันหนึ่ง เปโตรยืนขึ้นในกลุ่มศิษย์ที่มาพบกัน ซึ่งมีอยู่ประมาณหนึ่งร้อยยี่สิบคน แล้วเขาพูดว่า
16. “พี่น้องทั้งหลาย ข้อความในพระคัมภีร์ จะต้องเป็นจริงตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้พูดผ่านทางปากของกษัตริย์ดาวิด เมื่อนานมาแล้วเกี่ยวกับยูดาสที่นำคนพวกนั้นไปจับพระเยซู