4. ผมมั่นใจและภูมิใจในตัวพวกคุณมาก พวกคุณทำให้ผมมีกำลังใจมาก ทั้งๆที่เรามีความทุกข์แสนสาหัส แต่ผมก็ยังมีความยินดีอย่างล้นเหลือ
5. เมื่อเรามาถึงแคว้นมาซิโดเนียนั้น เราไม่ได้พักผ่อนเลย มองไปทางไหนก็มีแต่ปัญหา ภายนอกก็มีแต่การทะเลาะวิวาทกัน ส่วนภายในใจก็มีแต่ความหวาดกลัว
6. แต่พระเจ้าผู้ปลอบโยนคนที่ท้อแท้ก็ปลอบโยนเราด้วย เพราะพระองค์ส่งทิตัสมาหาเรา
7. ไม่ใช่แค่เรื่องที่ทิตัสมาเท่านั้นที่ปลอบโยนเรา แต่ยังรวมถึงเรื่องที่พวกคุณให้กำลังใจทิตัสด้วย ทิตัสเล่าให้เราฟังหมดแล้วว่า พวกคุณอยากเจอเราขนาดไหน พวกคุณเสียใจแค่ไหน และพวกคุณห่วงใยผมขนาดไหน ทำให้ผมดีใจมากขึ้นไปอีก
8. ถึงแม้จดหมายของผมจะทำให้พวกคุณเศร้าโศกเสียใจ ผมก็ไม่เสียใจหรอกที่เขียนไป แต่ยอมรับว่าผมเสียใจหลังจากเขียนไปแล้ว แต่ตอนนี้ผมก็เห็นแล้วว่าจดหมายนั้นทำให้คุณทุกข์ใจแค่ครู่เดียวเอง
9. ตอนนี้ผมดีใจ ไม่ใช่เพราะคุณเศร้าเสียใจหรอกนะ แต่เพราะความเศร้าเสียใจนั้นทำให้คุณกลับตัวกลับใจ เป็นความเศร้าเสียใจแบบที่พระเจ้าต้องการ พวกคุณก็เลยไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเราเลย
10. เพราะความเศร้าเสียใจแบบที่พระเจ้าต้องการนี้ทำให้คุณกลับตัวกลับใจ ทำให้คุณได้รับความรอด ผมก็เลยไม่มีอะไรต้องเสียใจ แต่ความเศร้าเสียใจแบบโลกนี้สิที่นำไปถึงความตาย
11. ลองมาสังเกตดูสิว่าความเศร้าเสียใจแบบที่พระเจ้าต้องการนั้นมีผลอะไรกับคุณบ้าง เช่น ทำให้คุณเอาจริงเอาจัง อยากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง โกรธคนที่ทำผิด กลัวถูกลงโทษ อยากจะเจอกับเรา ห่วงใยผม และลงโทษคนทำผิด คุณก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในทุกๆทางว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่ความผิดของคุณ
12. ดังนั้น สาเหตุที่ผมเขียนมาให้พวกคุณไม่ใช่เพราะเห็นกับคนที่ทำผิดหรือคนที่เสียหายหรอกนะ แต่อยากจะทำให้คุณรู้ต่อหน้าพระเจ้าว่าคุณห่วงใยเราขนาดไหน
13. เรามีกำลังใจก็เพราะเรื่องนี้แหละ นอกจากจะมีกำลังใจแล้วเราก็ยังดีใจเป็นพิเศษอีกด้วยที่เห็นทิตัสมีความสุข เพราะพวกคุณทำให้จิตใจของเขาสดชื่น
14. ผมเคยโอ้อวดเรื่องพวกคุณให้ทิตัสฟัง และผมก็ไม่ขายหน้าเลย เพราะเรื่องที่ผมบอกคุณเป็นจริงอย่างไร เรื่องที่ผมบอกกับทิตัสเกี่ยวกับคุณก็เป็นจริงอย่างนั้นด้วย
15. ทิตัสรักพวกคุณมากยิ่งขึ้นเมื่อเขานึกถึงว่าพวกคุณเชื่อฟังเขาขนาดไหน และยังต้อนรับเขา แบบกลัวจนตัวสั่น
16. ผมดีใจที่สามารถมั่นใจในตัวคุณได้อย่างเต็มที่