5. ถ้ามีใครก่อให้เกิดความทุกข์ เขาไม่ได้ทำให้ผมเป็นทุกข์หรอกนะ แต่เขาได้ทำให้พวกคุณทั้งหมดนั่นแหละเป็นทุกข์ไม่มากก็น้อย (ผมไม่อยากจะพูดให้มันเลวร้ายจนเกินไป)
6. ที่พวกคุณส่วนใหญ่ลงโทษเขานั้นก็เพียงพอแล้ว
7. ต่อไปก็ให้อภัยและให้กำลังใจเขาดีกว่า เพื่อเขาจะได้ไม่จมอยู่ในความทุกข์นั้น
8. ขอร้องให้พวกคุณแสดงความรักต่อเขาอย่างชัดเจนด้วย
9. นั่นแหละเป็นเหตุที่ผมเขียนมาถึงพวกคุณในตอนนั้น เพื่อทดสอบดูว่าพวกคุณเชื่อฟังทุกเรื่องหรือเปล่า
10. ถ้าคุณอภัยให้ใคร ผมก็อภัยให้กับคนนั้นแล้วเหมือนกัน และสิ่งที่ผมอภัยให้นั้น (ถ้ามี) ผมก็ทำเพื่อพวกคุณต่อหน้าพระคริสต์
11. เราทำทั้งหมดนี้เพื่อจะได้ไม่ถูกซาตานหลอก เพราะเรารู้ทันกลอุบายต่างๆของมัน
12. ตอนที่ผมไปเมืองโตรอัส เพื่อประกาศข่าวดี ของพระคริสต์ องค์เจ้าชีวิตได้เปิดโอกาสให้กับผม
13. แต่ผมไม่สบายใจเลย เพราะผมหาทิตัสน้องของผมไม่เจอ ผมจึงลาคนที่นั่น แล้วเดินทางต่อไปที่แคว้นมาซิโดเนีย
14. แต่ขอบคุณพระเจ้า เพราะในพระคริสต์นั้นเราเป็นเหมือนเชลยสงครามในขบวนแห่แห่งชัยชนะของพระองค์ที่พระองค์นำอยู่เสมอ พระองค์ใช้เราเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับพระองค์ในทุกๆที่ เหมือนกับกลิ่นหอมที่กระจายไปทั่ว
15. เพราะเราคือกลิ่นธูปอันหอมหวนของพระคริสต์ที่ถวายต่อพระเจ้าท่ามกลางคนที่กำลังจะรอดและคนที่กำลังจะพินาศ
16. สำหรับคนที่กำลังจะพินาศกลิ่นนั้นก็จะเป็นกลิ่นเหม็น ที่มาจากความตายและนำไปสู่ความตาย แต่สำหรับคนที่กำลังจะรอด กลิ่นนั้นเป็นกลิ่นหอมที่มาจากชีวิต และนำไปสู่ชีวิต ถ้าอย่างนั้นใครเล่าจะไปทำงานนี้ได้
17. เราไม่ใช่พ่อค้าเร่ที่หากินกับคำพูดของพระเจ้าเหมือนกับที่หลายคนทำกัน แต่เราเป็นคนของพระคริสต์ที่พูดความจริงต่อหน้าพระเจ้าด้วยความจริงใจ และเป็นคนที่พระเจ้าเองส่งมา