15. ถึงเท้าจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ใช่มือ ฉันก็เลยไม่เป็นของร่างกายนี้” นั่นก็ไม่ได้ทำให้เท้าเลิกเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายหรอกนะ
16. ถึงหูจะพูดว่า “เพราะฉันไม่ใช่ตา ฉันก็เลยไม่เป็นของร่างกายนี้” นั่นก็ไม่ได้ทำให้หูเลิกเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายนี้หรอกนะ
17. ถ้าทั้งร่างเป็นตาหมด แล้วเราจะได้ยินได้อย่างไร ถ้าทั้งร่างเป็นหูหมด แล้วเราจะได้กลิ่นได้อย่างไร
18. แต่ความจริงแล้ว พระเจ้าก็ได้จัดอวัยวะแต่ละชิ้นในร่างกาย ตามที่พระองค์เห็นว่าเหมาะสมแล้ว
19. ถ้าทั้งร่างมีอวัยวะเดียวเหมือนกันหมด แล้วจะมีร่างกายได้อย่างไร
20. เราจะเห็นว่ามีอวัยวะตั้งหลายส่วนก็จริง แต่มีกายแค่กายเดียว
21. ตาจะบอกกับมือว่า “ฉันไม่ต้องการเธอ” ก็ไม่ได้ หรือหัวจะบอกกับเท้าว่า “ฉันไม่ต้องการพวกเธอ” ก็ไม่ได้
22. อวัยวะของร่างกายที่เราคิดว่าอ่อนแอกลับเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก
23. อวัยวะที่เราเห็นว่าไม่ค่อยสำคัญเท่าไรกลับต้องดูแลเป็นพิเศษ และอวัยวะที่เราอายที่จะอวด กลับต้องดูแลเป็นอย่างดี
24. เพราะอวัยวะที่อวดได้นั้น กลับไม่จำเป็นต้องดูแลมากนัก พระเจ้าได้ประกอบอวัยวะต่างๆเข้าด้วยกันในแบบที่ว่า อวัยวะส่วนไหนที่ดูเหมือนต่ำต้อย พระองค์ก็ให้เกียรติส่วนนั้นมากขึ้น
25. เพื่อจะได้ไม่เกิดการแตกแยกกันขึ้นในร่างกาย แต่ให้อวัยวะทุกส่วนเอาใจใส่ซึ่งกันและกันอย่างเท่าเทียมกันหมด
26. ถ้าอวัยวะหนึ่งเจ็บ อวัยวะทุกส่วนของร่างกายก็เจ็บด้วย ถ้าอวัยวะหนึ่งได้รับเกียรติ อวัยวะทุกส่วนก็จะร่วมฉลองด้วย
27. ดังนั้น พวกคุณเป็นร่างกายของพระคริสต์ และแต่ละคนก็เป็นอวัยวะของร่างกายนั้น
28. ยิ่งกว่านั้น ในหมู่ประชุมของพระเจ้า พระองค์ได้แต่งตั้งศิษย์เอกเป็นอันดับแรก อันดับที่สองผู้พูดแทนพระเจ้า อันดับที่สามครูสอน จากนั้นก็คนทำสิ่งอัศจรรย์ คนที่รักษาโรคได้ คนที่ช่วยเหลือผู้อื่นได้ คนที่เป็นผู้นำ คนที่พูดภาษาแปลกๆได้
29. ทุกคนเป็นศิษย์เอกหรือ ทุกคนเป็นผู้พูดแทนพระเจ้าหรือ ทุกคนเป็นครูสอนหรือ ทุกคนทำสิ่งอัศจรรย์ได้หรือ
30. ทุกคนรักษาโรคได้หรือ ทุกคนพูดภาษาแปลกๆได้หรือ ทุกคนแปลภาษาพวกนั้นได้หรือ