2. คนหนึ่งถือว่าจะกินอะไรก็ได้ แต่อีกคนหนึ่งที่มีความเชื่อน้อยก็กินแต่ผักเท่านั้น
3. อย่าให้คนที่กินนั้นดูหมิ่นคนที่ไม่กิน และอย่าให้คนที่ไม่กินตัดสินคนที่กิน เพราะว่าพระเจ้าทรงยอมรับเขาแล้ว
4. ท่านเป็นใคร จึงกล่าวโทษบ่าวของคนอื่น? บ่าวคนนั้นจะตั้งมั่นหรือจะล่มจมก็สุดแล้วแต่นายของเขา และเขาจะตั้งมั่นแน่นอน เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสามารถให้เขาตั้งมั่นได้
5. คนหนึ่งถือว่าวันหนึ่งดีกว่าอีกวันหนึ่ง แต่อีกคนหนึ่งถือว่าทุกวันเหมือนกัน ขอให้ทุกคนมีความแน่ใจในความคิดเห็นของตนเถิด
6. คนที่ถือวันก็ถือเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า คนที่กินทุกสิ่งก็กินเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาขอบพระคุณพระเจ้า และคนที่ไม่กิน ก็ไม่กินเพื่อถวายพระเกียรติแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และยังขอบพระคุณพระเจ้า
7. เราไม่ได้อยู่เพื่อตัวเอง และเราไม่ได้ตายเพื่อตัวเอง
8. ถ้าเรามีชีวิตอยู่ก็เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และถ้าเราตายก็เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะฉะนั้นไม่ว่าเรามีชีวิตอยู่หรือตายไปก็ตาม เราก็เป็นคนขององค์พระผู้เป็นเจ้า
9. เพราะเหตุนี้เอง พระคริสต์สิ้นพระชนม์และคืนพระชนม์อีก เพื่อจะได้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของคนตายและคนเป็น
10. แต่ตัวท่านเล่า ทำไมจึงกล่าวโทษพี่น้องของท่าน? หรือท่านผู้เป็นอีกฝ่ายหนึ่ง ทำไมท่านจึงดูหมิ่นพี่น้องของท่าน? เพราะว่าเราทุกคนต้องยืนอยู่หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า
11. เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ตรัสว่า ‘เรามีชีวิตอยู่ตราบใด ทุกคนจะคุกเข่ากราบเรา และทุกลิ้นจะสรรเสริญ พระเจ้า’ ”
12. ฉะนั้นเราทุกคนจะต้องทูลเรื่องราวของตัวเองต่อพระเจ้า