27. แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างเรากับพวกท่าน และระหว่างคนชั่วอายุต่อจากเราว่า เราจะทำการปรนนิบัติพระยาห์เวห์เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ด้วยเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องสัตวบูชา และเครื่องศานติบูชา ด้วยเกรงว่าลูกหลานของพวกท่านจะกล่าวแก่ลูกหลานของเราในเวลาต่อไปว่า “พวกเจ้าไม่มีส่วนในพระยาห์เวห์” ’
28. และเราคิดว่าถ้ามีใครพูดเช่นนี้กับเรา หรือกับชาติพันธุ์ของเราในเวลาข้างหน้า เราก็จะกล่าวว่า ‘ดูสิ นั่นเป็นแท่นจำลองของแท่นแห่งพระยาห์เวห์ ปู่ย่าตายายของเราทำไว้ ไม่ใช่เพื่อถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวหรือเครื่องสัตวบูชา แต่เพื่อเป็นพยานระหว่างพวกเรากับพวกท่าน’
29. ขอให้เรื่องนี้ห่างจากเราเถิด คือที่จะกบฏต่อพระยาห์เวห์ และหันจากการติดตามพระยาห์เวห์เสียในวันนี้ โดยสร้างแท่นอื่นสำหรับเครื่องบูชาเผาทั้งตัว ธัญบูชา และเครื่องสัตวบูชา นอกจากแท่นของพระยาห์เวห์พระเจ้าของเราซึ่งตั้งอยู่ที่หน้าพลับพลาของพระองค์”
30. เมื่อฟีเนหัสปุโรหิตและพวกผู้นำของชุมนุมชนและหัวหน้าตระกูลของอิสราเอลที่อยู่ด้วยกันนั้น ได้ยินถ้อยคำที่คนรูเบน คนกาด และคนมนัสเสห์กล่าว ก็เห็นชอบ
31. ฟีเนหัสบุตรของเอเลอาซาร์ปุโรหิตจึงกล่าวแก่คนรูเบน คนกาด และคนมนัสเสห์ว่า “วันนี้เราทราบแล้วว่าพระยาห์เวห์สถิตท่ามกลางพวกเรา เพราะพวกท่านไม่ได้ทำการทรยศนี้ต่อพระยาห์เวห์ ท่านจึงช่วยให้พงศ์พันธุ์อิสราเอลพ้นจากพระหัตถ์ของพระยาห์เวห์”
32. แล้วฟีเนหัสบุตรเอเลอาซาร์ปุโรหิต และพวกผู้นำก็กลับจากคนรูเบนและคนกาด จากแผ่นดินกิเลอาดไปยังแผ่นดินคานาอัน ไปหาประชาชนอิสราเอลแจ้งข่าวให้พวกเขาทราบ
33. รายงานนั้นเป็นที่พอใจประชาชนอิสราเอล แล้วประชาชนอิสราเอลก็สรรเสริญพระเจ้า และไม่พูดถึงเรื่องที่จะทำสงครามกับพวกเขา เพื่อทำลายแผ่นดินซึ่งคนรูเบนและคนกาดได้อาศัยอยู่นั้น
34. คนรูเบนและคนกาดเรียกแท่นนั้นว่า แท่นพยาน พวกเขากล่าวว่า แท่นนั้นเป็นพยานในระหว่างเราว่า พระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า