2. พวกเขาก็กลัวมาก เพราะว่ากิเบโอนเป็นเมืองใหญ่เสมอเมืองหลวง และใหญ่กว่าเมืองอัย และบุรุษชาวเมืองนั้นก็ล้วนเป็นนักรบกล้าหาญ
3. ด้วยเหตุนี้อาโดนีเซเดกกษัตริย์แห่งเยรูซาเล็มจึงทรงให้ไปหาโฮฮัมกษัตริย์แห่งเฮโบรน และปิรามกษัตริย์แห่งยารมูท และยาเฟียกษัตริย์แห่งลาคีช และเดบีร์กษัตริย์แห่งเอกโลน ทูลว่า
4. “ขอเชิญท่านมาหาข้าพเจ้า และช่วยข้าพเจ้าตีเมืองกิเบโอนเถิด เพราะว่าเมืองนั้นได้ทำสันติภาพกับโยชูวา และประชาชนอิสราเอล”
5. กษัตริย์คนอาโมไรต์ทั้งห้าพระองค์ คือกษัตริย์แห่งเยรูซาเล็ม กษัตริย์แห่งเฮโบรน กษัตริย์แห่งยารมูท กษัตริย์แห่งลาคีช และกษัตริย์แห่งเอกโลน ก็ทรงรวบรวมกำลังของตน และทรงยกขึ้นไปพร้อมกับกองทัพทั้งหลายตั้งค่ายต่อสู้เมืองกิเบโอน
6. ชาวเมืองกิเบโอนจึงใช้คนไปหาโยชูวาที่ค่ายในกิลกาล กล่าวว่า “ขอท่านอย่าได้ปล่อยมือจากผู้รับใช้ของท่านเลย ขอเร่งขึ้นมาช่วยพวกเราให้รอดและช่วยเหลือเรา เพราะว่าบรรดากษัตริย์ของคนอาโมไรต์ ซึ่งอยู่ในแดนเทือกเขา ได้รวมกำลังกันต่อสู้เรา”
7. โยชูวาจึงขึ้นไปจากกิลกาล ทั้งท่านและพวกทหารและนักรบกล้าหาญทุกคน
8. พระยาห์เวห์ตรัสกับโยชูวาว่า “อย่ากลัวเขาเลยเพราะเราได้มอบเขาไว้ในมือเจ้าแล้ว จะไม่มีใครในพวกเขาสักคนเดียวที่จะยืนหยัดต่อสู้เจ้าได้”
9. โยชูวาจึงยกเข้าโจมตีพวกนั้นทันที โดยเดินทางตลอดคืนจากกิลกาล
10. พระยาห์เวห์ทรงทำให้พวกเขาสะดุ้งแตกตื่นต่อหน้าอิสราเอลซึ่งได้ฆ่าพวกเขาเสียมากมายที่กิเบโอน และไล่ติดตามพวกเขาไปตามทางที่ขึ้นไปถึงเบธโฮโรน และตามฆ่าพวกเขาไปจนถึงเมืองอาเซคาห์ และเมืองมักเคดาห์
11. ขณะเมื่อพวกเขาหนีไปข้างหน้าอิสราเอล ไปตามทางเบธโฮโรนนั้น พระยาห์เวห์ทรงโยนหินใหญ่ๆ ลงมาจากฟ้า ตลอดถึงเมืองอาเซคาห์ เขาทั้งหลายก็ตาย ผู้ที่ตายด้วยลูกเห็บนั้นก็มากกว่าผู้ที่ประชาชนอิสราเอลฆ่าเสียด้วยดาบ
12. แล้วโยชูวาก็ทูลพระยาห์เวห์ในวันที่พระยาห์เวห์ทรงมอบคนอาโมไรต์แก่ประชาชนอิสราเอลนั้น และท่านได้กล่าวต่อหน้าอิสราเอลว่า“ดวงอาทิตย์เอ๋ย จงหยุดนิ่งตรงเมืองกิเบโอนและดวงจันทร์เอ๋ย ตรงหุบเขาอัยยาโลน”
13. ดวงอาทิตย์ก็หยุดนิ่ง และดวงจันทร์ก็นิ่งอยู่จนชนชาตินี้ได้แก้แค้นศัตรูของเขาเสร็จเรื่องนี้มีจารึกไว้ในหนังสือยาชาร์ไม่ใช่หรือ? ดวงอาทิตย์ก็หยุดนิ่งอยู่กลางท้องฟ้า ไม่ได้รีบตกไปตามเวลาประมาณหนึ่งวันเต็ม