2. กษัตริย์จึงถอดแหวนตราซึ่งพระองค์ทรงเอามาจากฮามานและประทานแก่โมรเดคัย ส่วนพระนางเอสเธอร์ก็ทรงตั้งโมรเดคัยเป็นใหญ่เหนือบ้านของฮามาน
3. แล้วพระนางเอสเธอร์ทูลกษัตริย์อีก พระนางกราบลงที่พระบาทของพระองค์ และวิงวอนพระองค์ด้วยน้ำพระเนตร เพื่อขอให้ยุติแผนชั่วของฮามาน คนอากัก และการคิดร้ายต่อพวกยิวเสีย
4. กษัตริย์จึงยื่นพระคทาสุวรรณแก่พระนางเอสเธอร์ พระนางเอสเธอร์ก็ทรงลุกขึ้นยืนเฝ้ากษัตริย์
5. พระนางทูลว่า “ถ้าเป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ และถ้าหม่อมฉันเป็นที่โปรดปรานต่อพระพักตร์ของพระองค์ท่าน ถ้าสิ่งนั้นถูกต้องเหมาะสมต่อพระพักตร์กษัตริย์ และหม่อมฉันเป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์ท่าน ขอทรงให้มีพระอักษรรับสั่งให้กลับความในจดหมายซึ่งฮามานบุตรฮัมเมดาธา คนอากัก ได้คิดและเขียนขึ้นเพื่อทำลายพวกยิวที่อยู่ในมณฑลทั้งสิ้นของกษัตริย์
6. เพราะหม่อมฉันจะทนดูเหตุร้ายมาถึงชนชาติของหม่อมฉันได้อย่างไร? หม่อมฉันจะทนดูการทำลายญาติพี่น้องของหม่อมฉันได้อย่างไร?”
7. กษัตริย์อาหสุเอรัสจึงตรัสกับพระราชินีเอสเธอร์และกับโมรเดคัยคนยิวว่า “ดูสิ เรามอบบ้านของฮามานแก่พระนางเอสเธอร์แล้ว และพวกเขาก็แขวนคอมันบนตะแลงแกง เพราะมันยื่นมือออกทำร้ายพวกยิว
8. พวกท่านจงเขียนเกี่ยวกับพวกยิวตามที่เห็นว่าดี ในนามของกษัตริย์และประทับตราด้วยแหวนตราของกษัตริย์ เพราะว่ากฤษฎีกาที่เขียนในนามของกษัตริย์ และประทับตราด้วยแหวนตราของกษัตริย์ จะเปลี่ยนกลับไม่ได้”
9. แล้วพระองค์ทรงเรียกราชอาลักษณ์เข้ามาในเวลานั้น ในเดือนที่สาม คือเดือนสิวัน ณ วันที่ยี่สิบสาม และให้เขียนกฤษฎีกาตามที่โมรเดคัยบัญชาทุกประการ ส่งถึงพวกยิว ถึงบรรดาสมุหเทศาภิบาล และพวกข้าหลวงและเจ้านายแห่งมณฑล ตั้งแต่อินเดียถึงคูช 127 มณฑล ไปถึงทุกมณฑลเป็นตัวอักษรของมณฑลนั้น และถึงชนทุกชาติเป็นภาษาของเขา และถึงพวกยิวเป็นตัวอักษรและภาษาของเขา
10. และโมรเดคัยเขียนในพระนามของกษัตริย์อาหสุเอรัสและประทับตราด้วยแหวนตราของกษัตริย์ และส่งจดหมายนั้นไปโดยผู้ถือสารที่ขึ้นม้าเร็วซึ่งเป็นพันธุ์ม้าหลวง
11. ตามจดหมายเหล่านี้กษัตริย์ทรงอนุญาตให้พวกยิวผู้อยู่ในทุกเมืองมาชุมนุมกันเพื่อป้องกันชีวิตของตน เพื่อทำลาย เพื่อสังหารและเพื่อล้างผลาญกองกำลังทั้งสิ้นของประชาชนหรือของมณฑล ซึ่งจะมาทำร้ายพวกเขาทั้งเด็กและผู้หญิง และมาปล้นข้าวของของพวกเขาไป
12. ภายในวันเดียวในทุกมณฑลของกษัตริย์อาหสุเอรัสคือ วันที่สิบสามเดือนสิบสอง คือเดือนอาดาร์