3. พวกมหาดเล็กซึ่งอยู่ที่ประตูพระราชวังจึงพูดกับโมรเดคัยว่า “ทำไมท่านละเมิดพระบัญชาของกษัตริย์?”
4. ต่อมาเมื่อเขาทั้งหลายพูดกับท่านวันแล้ววันเล่า และท่านไม่ฟัง พวกเขาจึงไปเรียนฮามานเพื่อดูว่าถ้อยคำของโมรเดคัยจะชนะหรือไม่? เพราะท่านบอกพวกเขาว่าท่านเป็นยิว
5. เมื่อฮามานเห็นว่าโมรเดคัยไม่กราบลงหรือแสดงความเคารพ ฮามานก็เดือดดาล
6. แต่เห็นว่าเป็นการเสียเกียรติที่จะจับกุมโมรเดคัยคนเดียว เพราะพวกเขาแจ้งให้ทราบเรื่องชนชาติของโมรเดคัย ฮามานจึงหาทางทำลายคนยิวทั้งหมด คือชนชาติของโมรเดคัย ทั่วราชอาณาจักรของอาหสุเอรัส
7. ในเดือนแรกซึ่งเป็นเดือนนิสาน ปีที่สิบสองแห่งรัชกาลกษัตริย์อาหสุเอรัส เขาพากันทอดสลากต่อหน้าฮามานเพื่อหาวันหาเดือน เขาได้เดือนที่สิบสอง คือเดือนอาดาร์
8. แล้วฮามานทูลกษัตริย์อาหสุเอรัสว่า “มีชนชาติหนึ่งกระจายและแยกกันอยู่ท่ามกลางชนชาติต่างๆ ในทุกมณฑลแห่งราชอาณาจักรของพระองค์ กฎหมายของพวกเขาต่างกับกฎหมายของชนชาติอื่นทั้งสิ้น และพวกเขาไม่รักษากฎหมายของกษัตริย์ การที่กษัตริย์ทรงปล่อยพวกเขาไว้เช่นนี้ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่พระองค์
9. ถ้าเป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ ขอทรงออกกฤษฎีกาให้ทำลายล้างพวกเขาเสีย และข้าพระบาทจะถวายเงิน 10,000 ตะลันต์ใส่มือผู้ดูแลพระราชกิจเพื่อจะเก็บเข้าพระคลังหลวง”
10. กษัตริย์จึงทรงถอดแหวนตราจากพระหัตถ์ ประทานแก่ฮามานบุตรฮัมเมดาธา คนอากัก ศัตรูของพวกยิว
11. และตรัสกับฮามานว่า “เรามอบเงินนั้นและประชาชนนั้นแก่ท่าน เพื่อจะทำกับพวกเขาตามที่ท่านเห็นดี”
12. แล้วทรงเรียกราชอาลักษณ์เข้ามาในวันที่สิบสามเดือนที่หนึ่ง ให้เขียนกฤษฎีกาตามที่ฮามานบัญชาไว้ทุกประการ ส่งไปถึงสมุหเทศาภิบาลของกษัตริย์และถึงข้าหลวงประจำทุกมณฑล และถึงเจ้านายของชนทุกชาติ ทุกมณฑล เป็นตัวอักษรของชนทุกชาติตามภาษาของเขา เขียนในพระนามของกษัตริย์อาหสุเอรัส และประทับตราด้วยแหวนตราของกษัตริย์
13. ให้ผู้ถือสารนำจดหมายเหล่านี้ไปยังทุกมณฑลของกษัตริย์ สั่งให้ทำลาย สังหารและกวาดล้างคนยิวทั้งสิ้น ทั้งหนุ่มและแก่ ทั้งเด็กและผู้หญิงในวันเดียวกัน คือวันที่สิบสามเดือนสิบสองคือเดือนอาดาร์ และให้ริบเอาข้าวของของพวกเขาด้วย
14. ให้ทำสำเนาเอกสารนั้นและออกเป็นกฤษฎีกาในทุกมณฑล นำไปป่าวร้องให้ชนทุกชาติเตรียมพร้อมเพื่อวันนั้น