6. ในวันนั้นที่เราปฏิญาณต่อเขาว่า ‘เราจะนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ ไปยังแผ่นดินที่เราหาให้เขาทั้งหลาย เป็นแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ เป็นแผ่นดินงามที่สุดของแผ่นดินทั้งหมด’
7. และเรากล่าวแก่เขาว่า ‘พวกเจ้าแต่ละคนจงทิ้งสิ่งที่น่าขยะแขยงซึ่งนัยน์ตาของเจ้าจ้องมองอยู่เสีย อย่าทำตัวเจ้าให้มลทินไปด้วยรูปเคารพของอียิปต์ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า’
8. แต่เขาทั้งหลายกบฏต่อเราและไม่ยอมเชื่อฟังเรา เขาทั้งหลายไม่ได้ละทิ้งสิ่งที่น่าขยะแขยงซึ่งนัยน์ตาของเขาทุกคนจ้องมองอยู่นั้น และพวกเขาก็ไม่ได้ละทิ้งรูปเคารพของชาวอียิปต์“แล้วเรากล่าวว่า เราจะระบายความโกรธของเราออกเหนือพวกเขา และให้ความกริ้วของเราที่มีต่อเขาออกมาจนหมดท่ามกลางแผ่นดินอียิปต์
9. แต่เราทำโดยเห็นแก่นามของเราเอง เพื่อไม่ให้นามนั้นถูกดูหมิ่นในสายตาของประชาชาติซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่ด้วย เราจึงสำแดงตัวเราต่อหน้าประชาชาติให้พวกเขารู้จัก ในการที่เรานำคนอิสราเอลออกมาจากแผ่นดินอียิปต์
10. ดังนั้น เราจึงนำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ และนำเขามายังถิ่นทุรกันดาร
11. เราให้กฎเกณฑ์ของเราแก่เขาทั้งหลาย และสำแดงกฎหมายของเราให้เขารู้ ถ้าเขาทำตามสิ่งเหล่านี้ก็จะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยสิ่งเหล่านี้
12. ยิ่งกว่านั้นอีก เราให้สะบาโตของเราแก่เขาทั้งหลาย เป็นหมายสำคัญระหว่างเราและเขา เพื่อเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์ เป็นผู้ทำให้พวกเขาบริสุทธิ์
13. แต่พงศ์พันธุ์อิสราเอลได้กบฏต่อเราในถิ่นทุรกันดาร เขาไม่ได้ดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และปฏิเสธกฎหมายของเรา ซึ่งถ้าใครรักษาก็จะดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่พวกเขาลบหลู่สะบาโตของเราอย่างหนัก“แล้วเรากล่าวว่า เราจะระบายความโกรธของเราออกเหนือพวกเขาในถิ่นทุรกันดาร และทำให้พวกเขาหมดสิ้นไป
14. แต่เราก็ทำโดยเห็นแก่นามของเราเอง เพื่อไม่ให้นามนั้นเสื่อมเกียรติในสายตาของประชาชาติทั้งหลาย คือพวกที่เราได้นำคนอิสราเอลออกมาต่อหน้าเขา