5. จงเจาะกำแพงต่อหน้าต่อตาพวกเขา แล้วนำข้าวของออกไปตามช่องกำแพงนั้น
6. จงยกข้าวของใส่บ่าของเจ้าต่อหน้าต่อตาพวกเขา แล้วแบกออกไปในเวลามืด เจ้าจงคลุมหน้าไม่ให้เห็นแผ่นดิน เพราะเราจะทำให้เจ้าเป็นหมายสำคัญแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล”
7. แล้วข้าพเจ้าก็ทำตามที่ข้าพเจ้าได้รับบัญชา ข้าพเจ้านำข้าวของเหมือนข้าวของสำหรับการเป็นเชลยออกมาในเวลากลางวัน ในเวลาเย็นข้าพเจ้าก็เจาะกำแพงด้วยมือของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้านำข้าวของออกไปในเวลามืด แบกบนบ่าของข้าพเจ้าไปต่อหน้าต่อตาเขา
8. ในเวลาเช้า พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงข้าพเจ้าว่า
9. “บุตรมนุษย์เอ๋ย พงศ์พันธุ์อิสราเอลคือพงศ์พันธุ์มักกบฏนั้น ได้พูดกับเจ้าไม่ใช่หรือว่า ‘เจ้าทำอะไร?’
10. จงกล่าวแก่พวกเขาว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ครุวาทนี้เกี่ยวกับเจ้านายผู้นั้นในเยรูซาเล็ม และพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมดซึ่งอยู่ในนครนั้น’
11. จงกล่าวว่า ข้าพเจ้าเป็นหมายสำคัญต่อพวกท่าน สิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทำไปแล้วนั้น เขาทั้งหลายก็จะถูกทำแบบเดียวกันนี้ด้วย เขาจะถูกกวาดไปเป็นเชลยและถูกคุมขัง
12. และเจ้านายผู้นั้นซึ่งอยู่ท่ามกลางพวกเขา จะยกข้าวของขึ้นใส่บ่าในเวลามืด แล้วออกไป เขาทั้งหลายจะเจาะกำแพงและนำข้าวของออกไปทางนั้น เขาจะคลุมหน้าของเขา เพื่อว่าเขาจะไม่เห็นแผ่นดินด้วยตาของเขาเอง
13. และเราจะกางข่ายของเราคลุมเขาและเขาจะติดกับดักของเรา แล้วเราจะนำเขาเข้าไปในบาบิโลน ในแผ่นดินของคนเคลเดีย ถึงกระนั้นเขาก็จะไม่เห็นแผ่นดินนั้น และเขาจะต้องตายที่นั่น
14. พวกคนที่อยู่รอบตัวเขา คือทั้งผู้ช่วยและกองทัพของเขานั้น เราจะกระจายไปตามลมทุกทิศทาง และเราจะชักดาบออกไล่ตามเขาทั้งหลายไป
15. และเมื่อเราให้เขาแตกกระเจิงไปอยู่ท่ามกลางประชาชาติ และกระจายเขาไปตามประเทศต่างๆ พวกเขาก็จะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์