2. “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าอาศัยอยู่ท่ามกลางพงศ์พันธุ์มักกบฏ ผู้มีตาไว้ดูแต่ไม่เห็น ผู้มีหูไว้ฟัง แต่ไม่ได้ยิน เพราะเขาทั้งหลายเป็นพงศ์พันธุ์มักกบฏ
3. เพราะฉะนั้น บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงจัดเตรียมข้าวของสำหรับการเป็นเชลยให้ตัวเอง และจงไปเป็นเชลยในเวลากลางวันต่อหน้าต่อตาเขาทั้งหลาย เจ้าจะต้องจากสถานที่ของเจ้าไปเป็นเชลยยังอีกที่หนึ่งต่อหน้าต่อตาพวกเขา บางทีพวกเขาจะเข้าใจแม้ว่าเขาเป็นพงศ์พันธุ์มักกบฏ
4. เจ้าจงนำข้าวของของเจ้า คือข้าวของสำหรับการเป็นเชลยออกมาในเวลากลางวันต่อหน้าต่อตาเขาทั้งหลาย และในเวลาเย็นเจ้าจงออกไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาเหมือนอย่างออกไปเป็นเชลย
5. จงเจาะกำแพงต่อหน้าต่อตาพวกเขา แล้วนำข้าวของออกไปตามช่องกำแพงนั้น
6. จงยกข้าวของใส่บ่าของเจ้าต่อหน้าต่อตาพวกเขา แล้วแบกออกไปในเวลามืด เจ้าจงคลุมหน้าไม่ให้เห็นแผ่นดิน เพราะเราจะทำให้เจ้าเป็นหมายสำคัญแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล”
7. แล้วข้าพเจ้าก็ทำตามที่ข้าพเจ้าได้รับบัญชา ข้าพเจ้านำข้าวของเหมือนข้าวของสำหรับการเป็นเชลยออกมาในเวลากลางวัน ในเวลาเย็นข้าพเจ้าก็เจาะกำแพงด้วยมือของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้านำข้าวของออกไปในเวลามืด แบกบนบ่าของข้าพเจ้าไปต่อหน้าต่อตาเขา
8. ในเวลาเช้า พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงข้าพเจ้าว่า
9. “บุตรมนุษย์เอ๋ย พงศ์พันธุ์อิสราเอลคือพงศ์พันธุ์มักกบฏนั้น ได้พูดกับเจ้าไม่ใช่หรือว่า ‘เจ้าทำอะไร?’
10. จงกล่าวแก่พวกเขาว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ครุวาทนี้เกี่ยวกับเจ้านายผู้นั้นในเยรูซาเล็ม และพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมดซึ่งอยู่ในนครนั้น’
11. จงกล่าวว่า ข้าพเจ้าเป็นหมายสำคัญต่อพวกท่าน สิ่งที่ข้าพเจ้าได้ทำไปแล้วนั้น เขาทั้งหลายก็จะถูกทำแบบเดียวกันนี้ด้วย เขาจะถูกกวาดไปเป็นเชลยและถูกคุมขัง
12. และเจ้านายผู้นั้นซึ่งอยู่ท่ามกลางพวกเขา จะยกข้าวของขึ้นใส่บ่าในเวลามืด แล้วออกไป เขาทั้งหลายจะเจาะกำแพงและนำข้าวของออกไปทางนั้น เขาจะคลุมหน้าของเขา เพื่อว่าเขาจะไม่เห็นแผ่นดินด้วยตาของเขาเอง