6. และเมื่อพระองค์ทรงบัญชาชายที่สวมเสื้อผ้าป่านว่า “จงไปเอาไฟมาจากที่ระหว่างวงล้อ คือจากระหว่างพวกเครูบ” ชายคนนั้นก็เข้าไปและยืนอยู่ข้างวงล้อวงหนึ่ง
7. เครูบตนหนึ่งได้ยื่นมือของตนจากระหว่างพวกเครูบไปยังไฟซึ่งอยู่ระหว่างเครูบ แล้วหยิบไฟขึ้นมาบ้างและใส่อุ้งมือของชายที่สวมเสื้อผ้าป่าน ชายนั้นก็รับและนำออกไป
8. และในพวกเครูบนั้นมีสิ่งที่ปรากฏเหมือนมือมนุษย์อยู่ใต้ปีก
9. แล้วข้าพเจ้ามองดู ดูสิ มีวงล้ออยู่ 4 วงข้างๆ พวกเครูบ วงล้ออยู่ข้างเครูบตนละหนึ่งวงล้อ ลักษณะวงล้อนั้นเหมือนแสงของเบริล
10. วงล้อทั้งสี่มีรูปลักษณ์เหมือนกัน คือเป็นเหมือนวงล้อซ้อนในวงล้อ
11. เมื่อเคลื่อนที่ พวกเครูบจะไปทางด้านใดของใบหน้าทั้งสี่ก็ได้ทั้งนั้น พวกเขาเคลื่อนที่โดยไม่ต้องหันเลย เพราะพวกเขาจะไปตามทิศที่ศีรษะมุ่งหน้าไปนั้น เคลื่อนโดยไม่ต้องหันเลย
12. และทั่วร่างกายของพวกเขา รวมทั้งหลัง มือ ปีก และวงล้อคือวงล้อของทั้งสี่ตนนั้นล้วนเต็มด้วยนัยน์ตาโดยรอบ
13. ข้าพเจ้าได้ยินกับหูว่าวงล้อเหล่านั้นเรียกว่า วงล้อหมุน
14. เครูบแต่ละตนมีหน้า 4 หน้า หน้าแรกเป็นหน้าเครูบ หน้าที่สองเป็นหน้ามนุษย์ หน้าที่สามเป็นหน้าสิงโต และหน้าที่สี่เป็นหน้านกอินทรี
15. แล้วพวกเครูบก็เหาะขึ้น เป็นสิ่งมีชีวิตที่ข้าพเจ้าเคยเห็นที่ริมแม่น้ำเคบาร์
16. เมื่อเครูบเคลื่อนไป วงล้อก็ตามไปข้างๆ พวกเขาด้วย และเมื่อพวกเครูบกางปีกออกเพื่อบินขึ้นจากพิภพ วงล้อเหล่านั้นก็ไม่หันไปจากข้างๆ พวกเครูบเลย
17. เมื่อพวกเครูบหยุดนิ่ง วงล้อเหล่านั้นก็หยุดนิ่ง เมื่อเครูบเหาะขึ้น วงล้อก็เหาะขึ้นไปกับพวกเขาด้วย เพราะว่าวิญญาณของสิ่งมีชีวิตนั้นอยู่ในวงล้อ
18. แล้วพระสิริของพระยาห์เวห์ไปจากธรณีประตูพระนิเวศ สถิตเหนือพวกเครูบ
19. เมื่อพวกเครูบกางปีกบินขึ้นพวกเขาเหาะไปจากพิภพต่อหน้าต่อตาข้าพเจ้า (เมื่อพวกเขาออกไป วงล้อก็ตามไปข้างๆ ด้วย) และไปยืนอยู่ที่ทางเข้าประตูด้านตะวันออกของพระนิเวศพระยาห์เวห์ และพระสิริของพระเจ้าของอิสราเอลก็อยู่เหนือเครูบพวกนั้น
20. นี่คือสิ่งมีชีวิตที่ข้าพเจ้าได้เห็นซึ่งอยู่ใต้พระเจ้าแห่งอิสราเอลที่ริมแม่น้ำเคบาร์ แล้วข้าพเจ้าทราบว่าเป็นเครูบ