3. เมื่อก่อนเราทุกคนเคยประพฤติเหมือนพวกเขาตามตัณหาของเนื้อหนัง คือทำตามความต้องการของเนื้อหนังและของความคิด โดยวิสัยแล้วเราจึงเป็นคนที่สมควรได้รับการลงโทษเหมือนอย่างคนอื่นๆ
4. แต่พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา พระองค์ทรงรักเราโดยความรักอันใหญ่หลวงของพระองค์
5. ถึงแม้ว่าเราเป็นคนตายเนื่องจากการละเมิด พระองค์ยังทรงทำให้มีชีวิตอยู่ร่วมกับพระคริสต์ (พวกท่านได้รับความรอดแล้วด้วยพระคุณ)
6. และพระองค์ทรงทำให้เราเป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์ และทรงให้เรานั่งด้วยกันกับพระองค์ในสวรรคสถานในพระเยซูคริสต์
7. เพื่อว่าในยุคต่อๆ ไป พระองค์จะทรงสำแดงพระคุณอันอุดมเหลือล้นของพระองค์ ด้วยพระกรุณาที่มีต่อเราในพระเยซูคริสต์
8. เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความรอดแล้วด้วยพระคุณโดยทางความเชื่อ ความรอดนี้ไม่ใช่มาจากตัวท่าน แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า
9. ไม่ใช่มาจากการกระทำ เพื่อไม่ให้ใครอวดได้
10. เพราะว่าเราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ทำการดี ซึ่งเป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ก่อนแล้วเพื่อให้เราดำเนินตาม
11. ดังนั้นพวกท่านจงระลึกว่า เมื่อก่อนท่านทั้งหลายเป็นคนต่างชาติโดยกำเนิด และฝ่ายที่เข้าสุหนัต (ซึ่งทำต่อร่างกายด้วยมือมนุษย์) เคยเรียกท่านว่าพวกไม่ได้เข้าสุหนัต
12. จงระลึกว่าตอนนั้นพวกท่านเป็นคนไม่มีพระคริสต์ ถูกตัดขาดจากการเป็นพลเมืองอิสราเอล เป็นคนนอกในเรื่องพันธสัญญาทั้งหลายที่ทรงสัญญาไว้ อยู่ในโลกนี้อย่างไม่มีความหวังและปราศจากพระเจ้า
13. แต่บัดนี้ในพระเยซูคริสต์ ท่านทั้งหลายซึ่งเมื่อก่อนอยู่ไกล ได้เข้ามาใกล้โดยพระโลหิตของพระคริสต์
14. เพราะว่าพระองค์เองทรงเป็นสันติภาพของเรา โดยร่างกายของพระองค์ ทรงทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นหนึ่งเดียวกัน และทรงรื้อกำแพงที่แยกระหว่างสองฝ่ายคือการเป็นศัตรูกัน