4. จงลุกขึ้น เพราะเป็นหน้าที่ของท่าน และพวกเราจะสนับสนุนท่าน ขอจงเข้มแข็งและทำไปเถิด”
5. แล้วเอสราได้ลุกขึ้นให้พวกปุโรหิตใหญ่และเลวีและอิสราเอลทั้งหมดทำสัตย์สาบานว่า เขาจะทำตามที่ได้พูดแล้ว พวกเขาจึงทำสัตย์สาบาน
6. แล้วเอสราก็ลุกขึ้นไปจากพระนิเวศของพระเจ้า เข้าไปในห้องของเยโฮฮานันบุตรเอลียาชีบ เมื่อมาถึงที่นั่นแล้วก็ไม่รับประทานขนมปังหรือดื่มน้ำ เพราะท่านโศกเศร้าด้วยเรื่องการละเมิดของพวกเชลยที่กลับมา
7. และพวกเขาก็ป่าวร้องทั่วยูดาห์และเยรูซาเล็ม แก่พวกเชลยที่ได้กลับมาทั้งสิ้นว่า ให้มาชุมนุมกันที่เยรูซาเล็ม
8. และถ้าใครไม่มาภายในสามวัน ตามคำสั่งของพวกหัวหน้าและพวกผู้ใหญ่จะต้องริบทรัพย์สมบัติของเขาเสียทั้งสิ้น และเขาจะถูกตัดออกจากชุมนุมชนของพวกเชลย
9. และผู้ชายทุกคนของยูดาห์และเบนยามินได้ชุมนุมกันที่เยรูซาเล็มภายในสามวัน (ในเดือนที่เก้า ณ วันที่ยี่สิบของเดือนนั้น) และประชาชนทั้งปวงนั่งอยู่ที่ลานหน้าพระนิเวศของพระเจ้า ตัวสั่นสะท้านด้วยเรื่องนี้ และเพราะฝนตกหนัก
10. และเอสราปุโรหิตได้ลุกขึ้นพูดกับพวกเขาว่า “พวกท่านได้ละเมิดและได้แต่งงานกับหญิงต่างชาติ จึงได้ทวีความผิดของอิสราเอล
11. เหตุฉะนั้น จงสารภาพต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของท่าน และทำตามชอบพระทัยของพระองค์ จงแยกตัวท่านออกเสียจากชนชาติต่างๆ แห่งแผ่นดินและจากภรรยาต่างชาติ”
12. แล้วชุมนุมชนทั้งสิ้นได้ตอบด้วยเสียงดังว่า “ถูกแล้ว เราต้องทำตามที่ท่านพูด
13. แต่มีประชาชนมากและเป็นเวลาที่ฝนตกหนัก เราอยู่กลางแจ้งไม่ไหว และงานนี้ทำไม่ได้ภายในวันสองวันเพราะเราได้ละเมิดอย่างมากในเรื่องนี้
14. ขอให้เจ้าหน้าที่ของเราทำการแทนชุมนุมชนทั้งสิ้น และให้บรรดาคนในเมืองของเราที่มีภรรยาต่างชาติมาตามเวลากำหนด พร้อมกับพวกผู้ใหญ่และผู้วินิจฉัยของทุกเมือง จนกว่าพระพิโรธอันแรงกล้าของพระเจ้าของเรา ที่ทรงมีในเรื่องนี้หันไปจากพวกเรา”
15. โยนาธานบุตรอาสาเฮล และยาไซอาห์บุตรทิกวาห์เท่านั้นที่คัดค้านเรื่องนี้และเมชุลลามกับชับเบธัย ชนเลวีสนับสนุนเขาทั้งสอง
16. แล้วพวกที่ถูกกวาดไปเป็นเชลยซึ่งกลับมาก็ได้ทำตามนั้น เอสราปุโรหิตได้เลือกชายบางคนที่เป็นหัวหน้าของตระกูลตามสกุล แต่ละคนตามที่ระบุชื่อไว้ ในวันที่หนึ่งของเดือนที่สิบ เขานั่งประชุมกันพิจารณาเรื่องนี้