15. ถ้าผู้ที่ถวายบ้านไว้ประสงค์จะไถ่บ้านของเขา ก็ให้ผู้นั้นเพิ่มเงินอีกหนึ่งในห้าของราคาบ้านที่ตีค่าไว้ แล้วบ้านนั้นจึงตกเป็นของเขาได้
16. “ถ้าผู้ใดถวายที่ดินส่วนหนึ่งแด่พระยาห์เวห์ซึ่งเป็นมรดกตกแก่เขา ให้เจ้ากำหนดราคาของที่ดินตามจำนวนพันธุ์พืชที่หว่านลงในดินนั้น ถ้าที่ดินนี้มีเมล็ดพันธุ์บาร์เลย์หว่านไว้ยี่สิบกิโลกรัม ให้กำหนดราคาเป็นเงินห้าสิบเชเขล
17. ถ้าเขาถวายที่ดินเริ่มจากปีอิสรภาพ ก็ให้คงเต็มราคาที่เจ้ากำหนด
18. ถ้าเขาถวายที่ดินภายหลังปีอิสรภาพ ก็ให้ปุโรหิตคำนวณค่าเงินตามจำนวนปีที่เหลืออยู่จนกว่าจะถึงปีอิสรภาพ ให้หักเสียจากราคาที่เจ้ากำหนด
19. ถ้าผู้ถวายที่ดินประสงค์จะไถ่ที่ดินนั้น ก็ให้เขาเพิ่มค่าเงินอีกหนึ่งในห้าของกำหนดราคาที่ตีไว้ แล้วที่ดินนั้นจะเป็นของเขา
20. แต่ถ้าเขาไม่ประสงค์จะไถ่ที่ดิน หรือเขาได้ขายที่ดินนั้นให้แก่อีกคนหนึ่งแล้ว ก็อย่าให้ไถ่อีกเลย
21. แต่ที่ดินนั้นเมื่อถึงเวลาไถ่ในปีอิสรภาพจะเป็นของบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์เพราะเป็นที่ดินที่มอบถวายไว้ ปุโรหิตจึงเข้าถือกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นได้
22. ถ้าคนใดถวายที่ดินที่ซื้อมาแด่พระยาห์เวห์ คือไม่ใช่ส่วนมรดกที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา
23. ปุโรหิตจะคำนวณค่าที่ดินนับจนถึงปีอิสรภาพ ในวันนั้นที่ดินจะถูกตีราคาให้เป็นของถวายที่บริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์
24. เมื่อถึงปีอิสรภาพ ที่ดินนั้นต้องกลับเป็นของผู้ที่ขายให้เขาซึ่งเป็นเจ้าของเดิม ตามมรดกที่ตกมาเป็นของเขา
25. การกำหนดราคาทุกอย่าง จะต้องเป็นไปตามค่าเงินเชเขลของสถานนมัสการ ยี่สิบเก-ราห์เป็นหนึ่งเชเขล