2. “ถ้าผู้ใดเกิดอาการบวมหรือผื่นหรือด่างขึ้นที่ผิวหนัง แล้วผิวหนังของเขามีอาการของโรคเรื้อน ก็ให้พาผู้นั้นมาหาอาโรนผู้เป็นปุโรหิต หรือบุตรคนหนึ่งคนใดของเขาที่เป็นปุโรหิต
3. ให้ปุโรหิตตรวจผิวหนังตรงที่เป็นโรค ถ้าขนในที่นั้นหงอกและเห็นว่าโรคนั้นอยู่ลึกกว่าผิวหนังลงไป จัดว่าเป็นโรคเรื้อน เมื่อปุโรหิตตรวจเขาเสร็จแล้วให้ประกาศว่า เขาเป็นมลทิน
4. ถ้าผิวหนังตรงจุดนั้นขาว และปรากฏว่ากินไม่ลึกไปกว่าผิวหนัง และขนในบริเวณนั้นก็ไม่หงอก ให้ปุโรหิตกักตัวผู้ป่วยไว้เจ็ดวัน
5. และให้ปุโรหิตตรวจเขาอีกในวันที่เจ็ด ถ้าตามสายตาของปุโรหิตเห็นว่า โรคนั้นทรงอยู่ไม่ลามออกไปตามผิวหนัง ก็ให้ปุโรหิตกักตัวเขาต่อไปอีกเจ็ดวัน
6. พอถึงวันที่เจ็ดให้ปุโรหิตตรวจเขาอีกครั้งหนึ่ง ถ้าบริเวณที่เป็นโรคนั้นจางลง และโรคไม่ได้ลามออกไปตามผิวหนัง ก็ให้ปุโรหิตประกาศว่า เขาสะอาดแล้ว เขาเป็นผื่นเท่านั้น ให้เขาซักเสื้อผ้า แล้วเขาก็จะสะอาด
7. แต่ถ้าหลังจากเขาแสดงตัวแก่ปุโรหิตเพื่อรับการชำระแล้วนั้น ปรากฏว่า บริเวณที่เป็นผื่นลามออกไปตามผิวหนัง ให้เขากลับไปหาปุโรหิตอีก