25. และจากกรุงนั้นท่านจับข้าราชสำนักซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพ และที่ปรึกษาของกษัตริย์ 7 คน ซึ่งพบอยู่ในกรุงนั้น และอาลักษณ์ของผู้บัญชาการกองทัพผู้ซึ่งเกณฑ์ราษฎร และราษฎรอีก 60 คนซึ่งพบอยู่ท่ามกลางกรุงนั้น
26. และเนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ได้จับคนเหล่านี้นำไปถวายกษัตริย์แห่งบาบิโลนที่ริบลาห์
27. และกษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงตีเขา และประหารชีวิตเขาทั้งหลายเสียที่ริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท ยูดาห์จึงถูกกวาดไปเป็นเชลยจากแผ่นดินของตน
28. ต่อไปนี้เป็นจำนวนประชาชนซึ่งเนบูคัดเนสซาร์จับไปเป็นเชลย ในปีที่ 7 พวกยิว 3,023 คน
29. ในปีที่ 18 แห่งรัชกาลเนบูคัดเนสซาร์ ท่านขนเชลยจากกรุงเยรูซาเล็ม 832 คน
30. ในปีที่ 23 แห่งรัชกาลเนบูคัดเนสซาร์ เนบูซาระดานผู้บังคับบัญชาทหารรักษาพระองค์จับยิวเป็นเชลย 745 คน รวมคนทั้งหมดเป็น 4,600 คน
31. และในปีที่ 37 แห่งการเป็นเชลยของเยโฮยาคีนกษัตริย์แห่งยูดาห์นั้น เมื่อวันที่ 25 ในเดือนที่ 12 ในปีที่ขึ้นครองราชย์ เอวิลเมโรดักกษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงพระกรุณาต่อเยโฮยาคีนกษัตริย์แห่งยูดาห์ และทรงนำพระองค์ออกมาจากเรือนจำ
32. พระองค์ตรัสอย่างเมตตาต่อเยโฮยาคีน และประทานที่นั่งที่มีเกียรติกว่ากษัตริย์ทั้งหลายที่อยู่ในบาบิโลน
33. ดังนั้นเยโฮยาคีนจึงทรงถอดเครื่องแต่งกายนักโทษออกเสีย และได้เสวยที่โต๊ะเสวยของกษัตริย์ทุกวันตลอดชีวิต
34. ส่วนค่าใช้จ่ายนั้นก็ได้รับพระราชทานจากกษัตริย์ตามความต้องการรายวันตลอดชีวิต จนถึงวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์