3. แต่บารุคบุตรเนริยาห์ได้ยุท่านให้ต่อสู้กับเรา เพื่อจะมอบเราไว้ในมือของคนเคลเดีย เพื่อพวกเขาจะได้ฆ่าเราหรือกวาดเราไปเป็นเชลยในบาบิโลน”
4. โยฮานันบุตรคาเรอาห์และพวกหัวหน้ากองทหารทุกคนและประชาชนทั้งสิ้นไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ที่ให้อาศัยอยู่ในแผ่นดินยูดาห์
5. แต่โยฮานันบุตรคาเรอาห์และพวกหัวหน้ากองทหารได้พาคนยูดาห์ที่เหลืออยู่ไป คือผู้ซึ่งกลับมาอยู่ในแผ่นดินยูดาห์จากประชาชาติต่างๆ ที่พวกเขาถูกขับไล่ให้ไปอยู่นั้น
6. คือพวกผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก บรรดาราชธิดาของกษัตริย์ และทุกคนซึ่งเนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้เหลือไว้ให้แก่เกดาลิยาห์บุตรอาหิคัมผู้เป็นบุตรชาฟาน รวมทั้งเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ และบารุคบุตรเนริยาห์
7. พวกเขาได้มายังแผ่นดินอียิปต์ เพราะเขาไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์ และเขาก็มาถึงนครทาปานเหส
8. แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์มายังเยเรมีย์ในนครทาปานเหสว่า
9. “จงถือหินก้อนใหญ่ๆ ไว้ในมือของเจ้า แล้วซ่อนไว้ในปูนสอตรงทางเดิน ซึ่งอยู่ที่ทางเข้าไปสู่พระราชวังของฟาโรห์ในนครทาปานเหสต่อหน้าต่อตาคนยูดาห์
10. และจงกล่าวแก่พวกเขาว่า ‘พระยาห์เวห์จอมทัพพระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะใช้และนำเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน ผู้รับใช้ของเรา และท่านจะตั้งพระที่นั่งของท่านเหนือหินเหล่านี้ ซึ่งเราได้ซ่อนไว้ และท่านจะกางพลับพลาของท่านเหนือหินเหล่านี้
11. ท่านจะมาโจมตีแผ่นดินอียิปต์ มอบผู้ถูกกำหนดให้เป็นโรคแก่โรคระบาด ผู้ถูกกำหนดให้เป็นเชลยแก่การเป็นเชลย และผู้ถูกกำหนดให้โดนดาบแก่ดาบ