17. เขาพูดกับคนที่ดูหมิ่นพระวจนะของพระยาห์เวห์เสมอว่า ‘ท่านจะสุขสบาย’ และแก่ทุกคนที่ดื้อตามใจของตนเอง เขากล่าวว่า ‘จะไม่มีเหตุร้ายมาถึงเจ้า’ ”
18. เพราะว่าใครเล่าที่ได้ยืนอยู่ในที่ประชุมของพระยาห์เวห์ที่จะพิเคราะห์เห็นและฟังพระวจนะของพระองค์?หรือใครที่ใส่ใจในพระวจนะของพระองค์และเชื่อฟัง?
19. นี่แน่ะ พายุของพระยาห์เวห์คือพระพิโรธได้ออกไปแล้วเป็นพายุหมุนรุนแรงมันจะวนเหนือศีรษะของคนอธรรม
20. ความกริ้วของพระยาห์เวห์จะไม่หันกลับจนกว่าพระองค์จะทรงทำให้สำเร็จตามพระเจตนาในพระทัยของพระองค์ภายหลังพวกเจ้าจะเข้าใจเรื่องนี้แจ่มแจ้ง
21. “เราไม่ได้ส่งผู้เผยพระวจนะเหล่านั้นไปแต่พวกเขายังวิ่งไปเราไม่ได้พูดกับเขาแต่เขายังเผยพระวจนะ
22. แต่ถ้าเขาทั้งหลายได้ยืนอยู่ในที่ประชุมของเราเขาก็คงจะได้ป่าวร้องถ้อยคำของเราต่อประชากรของเราและคงจะได้ให้พวกเขาหันกลับจากทางชั่วของเขาและหันกลับจากการกระทำชั่วช้าของเขาแล้ว”
23. พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “เราเป็นพระเจ้าที่อยู่ใกล้ ไม่ใช่พระเจ้าที่อยู่ไกลด้วยหรือ?”
24. พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ใครจะซ่อนตัวจากเราไปอยู่ในที่ลี้ลับเพื่อเราจะไม่เห็นเขาได้หรือ? เราไม่ได้อยู่เต็มฟ้าสวรรค์และโลกหรือ?” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
25. “เราได้ยินผู้เผยพระวจนะผู้ซึ่งเผยพระวจนะเท็จในนามของเราได้กล่าวว่า ‘ข้าพเจ้าฝันไป ข้าพเจ้าฝันไป’
26. จะเป็นเช่นนี้ไปอีกนานสักเท่าใด? พวกผู้เผยพระวจนะคิดได้อย่างนี้หรือ? คือผู้เผยพระวจนะเท็จตามการหลอกลวงในใจของตน
27. ผู้มุ่งหมายจะทำให้ประชากรของเราลืมชื่อเรา โดยความฝันของพวกเขาซึ่งเล่าสู่กันฟัง อย่างกับบรรพบุรุษของเขาที่ลืมชื่อเรา ไปติดตามพระบาอัล
28. จงให้ผู้เผยพระวจนะที่ฝันเล่าความฝัน แต่ให้คนที่มีถ้อยคำของเรากล่าวถ้อยคำของเราอย่างสุจริต เพราะฟางข้าวจะเปรียบอะไรกับข้าวได้?” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ