6. ความสง่างามทั้งสิ้นได้พรากไปจากธิดาแห่งศิโยนแล้วพวกเจ้านายของเธอก็เป็นดุจฝูงกวางที่หาทุ่งหญ้าไม่พบและหมดแรงหนีต่อหน้าผู้ไล่ล่า ז (ซายิน)
7. เยรูซาเล็มในยามทุกข์ยากและยามพลัดบ้านได้หวนระลึกถึงของล้ำค่าทั้งสิ้นที่ตนเคยมีในครั้งกระโน้นเธอระลึกได้เมื่อพลเมืองของเธอตกอยู่ในมือของคู่อริและหามีผู้ใดจะสงเคราะห์เธอไม่พวกคู่อริเห็นเธอแล้วก็เยาะเย้ยความล่มจมของเธอ ח (เฆท)
8. เยรูซาเล็มได้ทำบาปใหญ่หลวงฉะนั้นเธอจึงเป็นมลทินทุกคนที่เคยให้เกียรติเธอกลับลบหลู่เธอเพราะเขาเห็นความเปลือยเปล่าของเธอเออ เธอเองได้แต่ถอนใจและหันหน้าไปเสีย ט (เทท)
9. มลทินของเธอเลอะกระโปรงของเธอและเธอหาได้คำนึงถึงอนาคตไม่ดังนั้นความพินาศของเธอจึงน่ากลัวไม่มีผู้ใดปลอบโยนเธอ“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทอดพระเนตรความทุกข์ยากของข้าพระองค์เพราะพวกศัตรูชนะแล้ว” י (โยด)
10. คู่อริได้ยื่นมือออกยึดเอาของล้ำค่าทุกชิ้นของเธอไปเธอได้เห็นบรรดาประชาชาติบุกเข้ามาในสถานนมัสการของเธอคือคนที่พระองค์ได้ทรงห้ามไม่ให้เข้ามาในที่ประชุมของพระองค์ כ (คาฟ)
11. พลเมืองทั้งหมดของเธอได้ถอนใจใหญ่เมื่อเขาทั้งหลายเสาะหาอาหารและพวกเขาเอาของล้ำค่าแลกอาหารกินเพื่อจะได้ประทังชีวิต“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทอดพระเนตรดูเพราะข้าพระองค์ถูกลบหลู่” ל (ลาเมค)
12. “ท่านทั้งหลายที่เดินผ่านไป ท่านไม่รู้สึกอะไรหรือ?นี่แน่ะ จงดูซิว่ามีความทุกข์ใดบ้างเหมือนความทุกข์ที่มาสู่ข้าพเจ้าเป็นความทุกข์ซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงทำแก่ข้าพเจ้าในวันแห่งพระพิโรธอันเกรี้ยวกราดนั้น מ (เมม)
13. “พระองค์ได้ทรงส่งเพลิงลงมาจากเบื้องบนให้เข้าไปในกระดูกของข้าพเจ้าพระองค์ได้ทรงกางตาข่ายไว้ดักเท้าของข้าพเจ้าพระองค์ได้ทรงทำให้ข้าพเจ้าต้องหันกลับพระองค์ได้ทรงทำให้ข้าพเจ้าสิ้นหวังและอ่อนระอาอยู่วันยังค่ำ נ (นูน)
14. “บรรดาการละเมิดของข้าพเจ้าถูกรวบเข้าเป็นแอกโดยพระหัตถ์ พระองค์ทรงรวบมัดไว้การละเมิดเหล่านั้นรัดรึงรอบคอข้าพเจ้าพระองค์ทรงทำให้กำลังข้าพเจ้าอ่อนลงองค์เจ้านายได้ทรงมอบข้าพเจ้าไว้ในมือของเขาทั้งหลายผู้ที่ข้าพเจ้าไม่สามารถต่อต้านได้ ס (สาเมค)