5. ขออย่าทรงปกปิดกรรมชั่วของพวกเขาไว้ และขออย่าทรงลบล้างบาปของเขาจากเบื้องพระพักตร์พระองค์ เพราะพวกเขาได้ยั่วเย้าให้กริ้วต่อหน้าบรรดาผู้ก่อสร้าง
6. เราจึงสร้างกำแพงขึ้น และกำแพงทั้งสิ้นก็ต่อกันสูงครึ่งหนึ่งแล้ว เพราะประชาชนมีใจที่จะทำงาน
7. แต่เมื่อสันบาลลัทและโทบีอาห์กับคนอาหรับ คนอัมโมนและคนอัชโดด ได้ยินว่าการซ่อมแซมกำแพงเยรูซาเล็มนั้นกำลังก้าวหน้าต่อไป และมีการอุดรอยแตกต่างๆ เขาทั้งหลายก็โกรธมาก
8. และพวกเขาทั้งหมดจึงวางแผนกันจะมาสู้รบกับเยรูซาเล็ม และก่อการโกลาหลขึ้นในนั้น
9. แต่พวกเราได้อ้อนวอนต่อพระเจ้าของเรา และวางยามป้องกันพวกเขาทั้งกลางวันและกลางคืน
10. แต่คนยูดาห์กล่าวว่า “เรี่ยวแรงของคนที่ขนของก็กำลังทรุดลง และมีสิ่งปรักหักพังมาก เราไม่สามารถซ่อมกำแพงได้”
11. และศัตรูของเราก็กล่าวว่า “เขาจะไม่ทันรู้ไม่ทันเห็นจนกระทั่งเราจะเข้ามาท่ามกลางเขา และฆ่าเขากับยับยั้งงานของเขา”
12. เมื่อพวกยิวที่อยู่ใกล้เขาทั้งหลายมา ก็ได้บอกเราตั้งสิบครั้งว่า “พวกเขาจะลุกขึ้นมาต่อสู้เราจากทุกแห่งที่พวกเขาอยู่”
13. ข้าพเจ้าจึงตั้งประชาชนไว้ในส่วนที่ต่ำที่สุดข้างหลังกำแพง ในส่วนที่ยังเปิดอยู่ ตามตระกูลของเขา โดยให้ถือดาบ หอก และคันธนู
14. ข้าพเจ้ามองดู แล้วลุกขึ้นพูดกับขุนนางและเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย กับคนนอกนั้นว่า “อย่ากลัวเขาเลย จงระลึกถึงองค์เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่และน่ายำเกรง และต่อสู้เพื่อพี่น้องของท่าน ลูกชายลูกสาวของท่าน ภรรยาและบ้านของท่าน”
15. ต่อมาเมื่อศัตรูของเราได้ยินว่าเราทราบเรื่องแล้ว และพระเจ้าได้ทรงทำลายแผนงานของพวกเขา พวกเราต่างก็มายังกำแพงที่งานของตนทุกคน
16. ตั้งแต่วันนั้นมา ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าครึ่งหนึ่งทำการก่อสร้าง อีกครึ่งหนึ่งถือหอก โล่ คันธนู และเสื้อเกราะ บรรดาประมุขหนุนหลังพวกยูดาห์
17. ผู้ที่ก่อสร้างกำแพง และบรรดาผู้ที่ขนของก็ยกของขึ้น ทุกคนมือหนึ่งทำงาน อีกมือหนึ่งถืออาวุธไว้