24. แล้วพระยาห์เวห์ก็ทรงทำดังนั้น เหลือบฝูงใหญ่มากเข้าไปในพระราชวังของฟาโรห์ ในบ้านเรือนข้าราชการ และทั่วแผ่นดินอียิปต์ แผ่นดินก็เสียหายย่อยยับเพราะฝูงเหลือบ
25. ฟาโรห์จึงตรัสเรียกโมเสสกับอาโรนมา แล้วมีรับสั่งว่า “จงไปถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้าของพวกเจ้าในเขตแผ่นดินนี้”
26. โมเสสทูลว่า “การทำเช่นนั้นไม่เหมาะ เพราะพวกข้าพระบาทต้องถวายสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกข้าพระบาท ซึ่งเป็นสิ่งพึงรังเกียจของคนอียิปต์ ดูสิ ถ้าพวกข้าพระบาทถวายสัตวบูชาต่อหน้าพวกเขา พวกเขาจะไม่เอาก้อนหินขว้างหรือ?
27. พวกข้าพระบาทต้องเดินทางไปในถิ่นทุรกันดารเป็นระยะทางสามวัน และถวายสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกข้าพระบาทตามที่ทรงบัญชา”
28. ฟาโรห์จึงตรัสว่า “เราจะปล่อยพวกเจ้าไป เพื่อถวายสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าในถิ่นทุรกันดาร เพียงแต่อย่าไปไกลนัก จงวิงวอนเพื่อเราด้วย”
29. โมเสสจึงทูลว่า “เมื่อข้าพระบาททูลลาฝ่าพระบาทไป ข้าพระบาทจะอธิษฐานทูลพระยาห์เวห์ ขอให้ฝูงเหลือบไปจากฟาโรห์ จากข้าราชการและจากพลเมืองในเวลาพรุ่งนี้ แต่ขออย่าทรงกลับคำอีก ไม่ยอมปล่อยประชากรไปถวายสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์”
30. โมเสสทูลลาฟาโรห์ไป แล้วก็อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์
31. พระยาห์เวห์ทรงทำตามคำกราบทูลของโมเสส ทรงให้ฝูงเหลือบไปจากฟาโรห์ จากข้าราชการและจากพลเมือง ไม่เหลืออยู่สักตัวเดียว
32. แต่ฟาโรห์ก็กลับมีพระทัยแข็งกระด้างอีกในคราวนี้ ไม่ทรงปล่อยประชากรไป