9. พระราชธิดาของฟาโรห์ตรัสสั่งนางว่า “รับเด็กนี้ไปเลี้ยงไว้ให้เรา แล้วเราจะให้ค่าจ้าง” นางจึงรับทารกไปเลี้ยง
10. เมื่อทารกเติบโตขึ้น นางก็พามาถวายพระราชธิดาของฟาโรห์ พระนางก็ทรงรับไว้เป็นพระราชบุตรของพระนาง และประทานนามให้ว่า โมเสส ตรัสว่า “เพราะเราได้ฉุดขึ้นมาจากน้ำ”
11. เมื่อโมเสสโตขึ้น ท่านไปหาพวกพี่น้อง เห็นพวกเขาต้องทำงานหนัก โมเสสเห็นคนอียิปต์คนหนึ่งกำลังตีคนฮีบรู ซึ่งเป็นชนชาติเดียวกับตน
12. ท่านมองซ้ายมองขวาเห็นว่าไม่มีใครอยู่ จึงฆ่าคนอียิปต์นั้น แล้วซ่อนศพไว้ในทราย
13. เมื่อโมเสสออกไปอีกในวันรุ่งขึ้น ก็เห็นคนฮีบรูสองคนต่อสู้กันอยู่ จึงตักเตือนคนที่ทำผิดนั้นว่า “ท่านตีพี่น้องของท่านเองทำไม?”
14. เขาตอบว่า “ใครตั้งเจ้าให้เป็นเจ้านายและเป็นตุลาการปกครองเรา? เจ้าตั้งใจจะฆ่าตัวข้าเหมือนที่ได้ฆ่าคนอียิปต์คนนั้นหรือ?”โมเสสก็กลัว คิดว่า “เรื่องนั้นคงรู้กันทั่วแล้วแน่ๆ”
15. เมื่อฟาโรห์ทรงทราบเรื่องก็หาช่องทางประหารโมเสส แต่โมเสสหนีฟาโรห์ไปอยู่ในแผ่นดินมีเดียน เขานั่งลงที่ริมบ่อน้ำแห่งหนึ่ง
16. ปุโรหิตของคนมีเดียนมีบุตรหญิงเจ็ดคน หญิงเหล่านั้นพากันมาตักน้ำใส่รางให้ฝูงแพะแกะของบิดากิน
17. เวลานั้นมีพวกคนเลี้ยงแกะมาไล่หญิงเหล่านั้น โมเสสจึงลุกขึ้นช่วยพวกนาง และให้สัตว์ของพวกนางกินน้ำ
18. เมื่อหญิงเหล่านั้นกลับไปหาเรอูเอลผู้เป็นบิดา ท่านถามว่า “วันนี้ทำไมพวกเจ้าจึงกลับเร็วนัก?”
19. พวกนางตอบว่า “มีชายอียิปต์คนหนึ่งช่วยเราพ้นจากมือของพวกคนเลี้ยงแกะ ทั้งยังตักน้ำให้เรา และให้ฝูงแพะแกะกินด้วย”
20. บิดาจึงถามบุตรหญิงของท่านว่า “ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน? ทำไมจึงทิ้งเขาไว้ล่ะ? ไปเชิญเขามารับประทานอาหารสิ”
21. โมเสสก็ตกลงใจอาศัยอยู่กับเรอูเอล แล้วเรอูเอลก็ยกศิปโปราห์บุตรสาวให้เป็นภรรยาของโมเสส
22. นางก็คลอดบุตรชายคนหนึ่ง โมเสสตั้งชื่อว่า เกอร์โชม เพราะท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนต่างด้าวในต่างแดน”
23. หลายปีผ่านไป กษัตริย์อียิปต์ก็สิ้นพระชนม์ ชนชาติอิสราเอลทุกข์ระทมเพราะการเป็นทาส จึงร้องคร่ำครวญ เสียงร่ำร้องขอความช่วยเหลือเพราะการเป็นทาสนี้ ดังขึ้นไปถึงพระเจ้า