20. แต่พวกเขาไม่เชื่อฟังโมเสส บางคนเหลือไว้จนรุ่งเช้า อาหารนั้นก็มีหนอนขึ้น และบูดเหม็น โมเสสจึงโกรธคนเหล่านั้น
21. พวกเขาเก็บกันทุกๆ เช้าเท่าที่คนหนึ่งรับประทานได้ แต่พอแดดออกร้อนจัดแล้วอาหารนั้นก็ละลายไป
22. เมื่อถึงวันที่หก พวกเขาเก็บอาหารสองเท่า คือคนละสี่ลิตร ผู้นำทั้งหมดของชุมนุมชนจึงเข้ามารายงานโมเสส
23. โมเสสบอกพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์ทรงบัญชาว่า ‘พรุ่งนี้เป็นวันหยุดพัก เป็นสะบาโต วันบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์ จะปิ้งอะไรก็ให้ปิ้ง จะต้มอะไรก็ให้ต้มเสีย และส่วนที่เหลือทั้งหมด จงเก็บไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น’ ”
24. เมื่อพวกเขาเก็บไว้จนถึงวันรุ่งขึ้นตามที่โมเสสสั่ง อาหารนั้นไม่บูดเหม็นและไม่มีหนอนในนั้น
25. โมเสสจึงบอกว่า “วันนี้จงกินอาหารนั้น เพราะว่าวันนี้เป็นวันสะบาโตของพระยาห์เวห์ วันนี้พวกท่านจะไม่พบอาหารอย่างนั้นในทุ่งเลย
26. จงเก็บอาหารหกวัน แต่ในวันที่เจ็ดซึ่งเป็นสะบาโตจะไม่มีเลย”
27. ต่อมาในวันที่เจ็ด บางคนออกไปเก็บ แต่ก็ไม่พบเลย
28. พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “พวกเจ้าจะขัดขืนบัญญัติและกฎหมายของเรานานสักเท่าไร?
29. ดูสิ พระยาห์เวห์ประทานวันสะบาโตให้พวกเจ้า เพราะฉะนั้นในวันที่หกพระองค์ประทานอาหารให้พอรับประทานสองวัน ในวันที่เจ็ดนั้นให้ทุกคนพักอยู่ในที่ของตน อย่าให้ใครออกจากที่พักเลย”
30. เพราะฉะนั้นประชาชนจึงได้หยุดพักในวันที่เจ็ด
31. คนอิสราเอลเรียกชื่ออาหารนั้น ว่า มานา มันเหมือนเมล็ดผักชีแต่มีสีขาว และมีรสเหมือนขนมแผ่นผสมน้ำผึ้ง
32. โมเสสกล่าวว่า “พระยาห์เวห์มีรับสั่งว่า ‘จงตวงมานาสองลิตร เก็บไว้ตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า เพื่อพวกเขาจะได้เห็นอาหารซึ่งเราเลี้ยงพวกเจ้าในถิ่นทุรกันดารนี้ เมื่อเรานำพวกเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์’ ”
33. โมเสสบอกอาโรนว่า “จงเอาไหลูกหนึ่ง แล้วตวงมานาให้เต็มสองลิตร วางไว้เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ให้เก็บรักษาไว้ชั่วชาติพันธุ์ของพวกท่าน”
34. อาโรนก็วางมานานั้นลงหน้าหีบแห่งสักขีพยาน เพื่อรักษาไว้ตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาโมเสส
35. ชนชาติอิสราเอลได้กินมานา 40 ปี จนพวกเขามาถึงแผ่นดินที่จะอาศัยอยู่ พวกเขากินมานาจนมาถึงชายแดนแผ่นดินคานาอัน